“หุ้นไทย” มีอะไรซ้อน!! จับตาต่างชาติซื้อ1.2 แสนล้าน ?
ริมถนนนักลงทุนเสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้บรรยากาศ “หุ้นไทย” หลังปิดไตรมาส 1 ปี 65 ดัชนีกลับมายื่น 1,700 จุดได้ ท่ามกลางสารพัดข่าวร้าย สงคราม-เงินเฟ้อ-ขึ้นดอกเบี้ย-น้ำมันพุ่ง แต่ยอดซื้อหุ้นต่างชาติสูงถึง 1.2 แสนล้าน !!
๐ จบไตรมาส 1 ปี 2565 เรียบร้อยแล้ว สำหรับ “ตลาดหุ้นไทย” คงต้องยอมรับว่าบรรยากาศไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีทั้งร้องว้าว...และนั่งจับเข่าน้ำตาตก เพราะว่าตลาดหุ้นค่อนข้างหวือหวา ด้วยสารพัดปัจจัยกระทบ เริ่มจากสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่านะ !! ก่อนจะตามมาด้วยมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ของมหาอำนาจที่อยู่คนละฝั่งกับรัสเซียที่ผลักดันเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่ง... เดินหน้าทุบสถิติกันแทบทุกประเทศ หลังราคาน้ำมันโลกที่เป็นต้นทุนหลักทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
๐ แต่ที่แน่ๆ ตลาดหุ้นไทยนั้น มีลงก็ต้องมีขึ้น ปิดไตรมาส 1 ปี 2565 ด้วยดัชนี SET INDEX 1,700 จุด !! แต่ที่ต้องร้องว้าวคือ การหวนกลับมาซื้อหุ้นไทยของ “นักลงทุนต่างชาติ” ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาถึง 1.2 แสนล้านบาท ท่ามกลางสารพัดข่าวร้าย สงครามโลก-เงินเฟ้อพุ่ง-น้ำมันแพง-เฟดขึ้นดอกเบี้ย ผลตอบแทนตลาดหุ้นหลายประเทศไม่ทรงก็ทรุด แต่หุ้นไทยถูกต่างชาติซื้อเพียบ แอ๊ะ ๆๆ หุ้นไทยมีอะไรซ้อนอยู่ในสายตาต่างชาติหรือเปล่านะ !!
๐ ฟากสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง “ทองคำ” ก็ผันผวนเฉกเช่นกัน โดยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ทองคำได้ปรับขึ้นทุบสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำได้ 32,000 บาทต่อบาททองคำ ก่อนจะย่อตัวลงมาเล็กน้อย ฟาก “วายแอลจี” ยังได้ประเทศทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้ว่าจะยังแกว่งตัวออกด้านข้าง แม้ว่าเผชิญแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่ตลาดเชื่อมั่นเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป เหตุราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ยังอยู่ในระดับสูง
๐ ขณะที่แม้การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะมีความคืบหน้า แต่การที่รัสเซีย ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับการซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียต้องจ่ายเป็นเงินรูเบิ้ลเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้วิกฤติพลังงานทั่วโลกอาจทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีและ 10 ปีเพิ่งเกิดภาวะผกผัน (Inverted Yield Curve)ในช่วงสั้นๆ ทำให้ตลาดเริ่มวิตกว่าหากเกิด inverted yield curve ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีอีกครั้งและต่อเนื่องจะสะท้อนโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญกับสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในอนาคต
๐ อย่างไรก็ตาม “วายแอลจี” มีคำแนะนำนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน “ทองคำ” ให้เน้นทำกำไรในกรอบ ขึ้นขาย-ลงซื้อ พร้อมตั้งตัดขาดทุนหากราคามาเป็นไปตามคาดการณ์ โดยมีแนวรับที่ 1,890-1,870 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้านที่ 1,966-2,009 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนทองคำในประเทศคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31,000-30,000 บาทต่อบาททองคำ