กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ แกว่งขึ้นต่อ ปัจจัยโดยรวมดีขึ้นจากสัปดาห์ก่อน

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ แกว่งขึ้นต่อ ปัจจัยโดยรวมดีขึ้นจากสัปดาห์ก่อน

ยังอยู่ในโหมด sideways up ต่อเนื่องจากความหวังว่ายูเครนจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ ในสัปดาห์ที่แล้ว (28 มีนาคม – 1 เมษายน) ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นแบบ sideways up เนื่องจากมีสัญญาณบางอย่างที่ชี้ว่ารัสเซียและยูเครนมีโอกาสจะเจรจากันในระดับผู้นำประเทศได้

นอกจากนี้ แรงกดดันจากทางด้านของราคาน้ำมันลดลงหลังจากที่สหรัฐ และประเทศพันธมิตรตกลงจะขายน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมาในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นกลุ่มหลักที่
ซื้อหุ้นในตลาดไทย จากมุมมองว่าเศรษฐกิจในเอเชีย และในประเทศไทยน่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติยูเครนน้อยกว่าในซีกโลกตะวันตก สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กนง. ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ 0.50% ตามที่ตลาดคาดเอาไว้ นอกจากนี้ กนง. ยังปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ปี 2565 ลงเล็กน้อย จากเดิม 3.40% เหลือ 3.20% แต่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในแนวค่อนข้างบวก และคาดว่าจะได้รับผลกระทบจำกัดจากสงครามในยูเครน

 

สำหรับสัปดาห์นี้ (4-8 เมษายน) เราคาดว่าดัชนี SET จะยังคงเคลื่อนไหวในรูปแบบ sideways up ต่อไปเนื่องจากกระแสข่าวล่าสุดยังส่อว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะใกล้บรรลุข้อตกลงสันติภาพแล้ว ในขณะเดียวกันรายงานการจ้างงานของสหรัฐในเดือนมีนาคมยังแสดงว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย หลังจากที่ตลาดเป็นกังวลกับเรื่องนี้มากขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อพันธบัตรสหรัฐเกิด yield curve inversion ขึ้นมาในบางช่วง สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เราพบสัญญาณบวกจากภาคการท่องเที่ยวเพราะมีรายงานว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่ ศบค. ยกเลิกข้อกำหนดให้มีการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศ

 

 

ติดตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และรายงานการประชุม FOMC

(0/+) นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยเฉพาะกรอบเวลาที่ชัดเจนมากขึ้น
ของการเจรจาหยุดยิง ซึ่งประเด็นนี้จะส่งผลกระทบต่อภาวะตลาดอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการประเมิน
ภาวะเศรษฐกิจโลก และเงินเฟ้อด้วย

(0) นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อ
แนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ เรามองว่าข้อมูลที่สำคัญที่สุดในสัปดาห์นี้คือการเผยแพร่รายงานการ
ประชุม FOMC ในวันที่ 7 เมษายน ซึ่งจะเป็นรายละเอียดของการประชุมวันที่ 16 มีนาคม ที่อาจจะช่วย
ให้แนวทางที่ชัดเจนขึ้นว่า Fed มีท่าที hawkish แค่ไหนในระยะต่อไป

 

ยังคงเน้นหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ, ท่องเที่ยว และหุ้นที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนมีพัฒนาการด้านบวกมากขึ้น ในขณะที่แนวโน้มโดยรวมของเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างเป็นบวกอยู่ ดังนั้น เราจึงยังคงมองว่า ดัชนี SET น่าจะยังอยู่ในโหมด sideways up และแนะนำให้นักลงทุนยังคงสะสมหุ้นในธีมต่อไปนี้ ในธีมแรก เราชอบหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ และการท่องเที่ยว ได้แก่ BBL*, KBANK*, AOT* และ MINT* ธีมที่สอง เราชอบหุ้นที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในกลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มผู้บริโภค ได้แก่ BCH*, CPALL* และ MAKRO นอกจากนี้ เรายังเห็นโอกาสที่จะเข้าเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มโรงกลั่นจากแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะแข็งแกร่งมากใน 1Q65 โดยเราชอบ ESSO* และ SPRC*.