ต่างชาติเที่ยวไทย Q1/65 รวม 4.4 แสนคน หวั่นสงครามฉุดตลาดทัวริสต์ยุโรป Q2
“ททท.” เผยไตรมาส 1/65 ยอดต่างชาติเที่ยวไทย 4.44 แสนคน ขยายตัว 2,101% สร้างรายได้ 3.41 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 1,424% “ยุโรป” ซิวแชมป์ส่งออกทัวริสต์มาไทยสูงสุดช่วงเริ่มฟื้นตัวผ่อนคลาย “เปิดประเทศ” พร้อมคาดการณ์ไตรมาส 2 ต่างชาติเที่ยวไทย 3.41 แสนคน สร้างรายได้ 2.3 หมื่นล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมสถานการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในช่วงไตรมาส 1/2565 (ม.ค.-มี.ค.) ขยายตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 444,039 คน ขยายตัว 2,101% และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 34,173 ล้านบาท ขยายตัว 1,424%
ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการผ่อนคลายมาตรการขาเข้าประเทศของไทย ตั้งแต่วันที่ 1-28 ก.พ.2565 ประเทศไทยกลับมาเปิดระบบการลงทะเบียนไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) รูปแบบ Test & Go อีกครั้ง หลังระงับไปในช่วงวันที่ 22 ธ.ค.-31 ม.ค.2565 จากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน
และปรับเงื่อนไขในการเข้าไทยเพิ่มเติม ได้แก่
1.อนุญาตให้นักท่องเที่ยวทุกประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสเดินทางเข้าไทยได้ในรูปแบบ Test & Go และตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง แทนมาตรการเดิมที่กำหนดให้เฉพาะ 63 ประเทศ/ดินแดน และตรวจหาเชื้อฯ 1 ครั้ง
2.ขยายพื้นที่นำร่องทางการท่องเที่ยวในรูปแบบ Sandbox ไปยังเมืองยอดนิยมทางทะเลชายฝั่งภาคตะวันออกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ พัทยา (จ.ชลบุรี) เกาะช้าง (จ.ตราด) และอนุญาตให้สามารถเดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.พังงา จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า)
นอกจากนี้หลายประเทศในยุโรปได้ปรับยุทธศาสตร์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด ส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกลดเวลากักตัวขากลับเข้าประเทศหลังมาเที่ยวไทย เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เป็นต้น รวมทั้งการเปิดเที่ยวบินใหม่เข้าไทยอย่างต่อเนื่อง
‘ยุโรป’ ซิวแชมป์ส่งทัวริสต์มาไทยสูงสุด
จากปัจจัยดังกล่าว ได้ช่วยส่งเสริมบรรยากาศการเดินทางเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาให้คึกคักขึ้น โดยแต่ละภูมิภาคมีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ ดังนี้
1.ภูมิภาคเอเชียตะวันออก (รวมเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและอาเซียน) คาดว่ามีนักท่องเที่ยว 85,362 คน ขยายตัว 1,538% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้การท่องเที่ยว 4,674 ล้านบาท ขยายตัว 892%
2.ภูมิภาคยุโรป คาดว่ามีนักท่องเที่ยว 265,888 คน ขยายตัว 2,596% สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 21,894 ล้านบาท ขยายตัว 1,775% มีปัจจัยสนับสนุนต่อการขยายตัวจากการเดินทางท่องเที่ยวไทยตามฤดูกาลของนักท่องเที่ยวยุโรป และเกือบทุกประเทศในยุโรปยกเลิกมาตรการควบคุมโรคเข้มงวดและลดเงื่อนไขจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ส่วนปัจจัยที่เป็นอุปสรรคคือความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวบางส่วนชะลอวางแผนการจองการเดินทางเพื่อรอดูสถานการณ์ในช่วงเดือน ธ.ค.2564-ม.ค.2565 และนักท่องเที่ยวรัสเซียชะลอการเดินทางเข้าไทยจากกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
3.ภูมิภาคอเมริกา คาดว่ามีนักท่องเที่ยว 33,875 คน ขยายตัว 1,110% และสร้างรายได้ 2,691 ล้านบาท ขยายตัว 733%
4.ภูมิภาคเอเชียใต้ คาดว่ามีนักท่องเที่ยว 17,655 คน ขยายตัว 3,104% ถือเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดในเชิงจำนวนนักท่องเที่ยว โดยสร้างรายได้ 1,011 ล้านบาท ขยายตัว 1,784%
5.ภูมิภาคโอเชียเนีย คาดว่ามีนักท่องเที่ยว 14,704 คน ขยายตัว 2,578% สร้างรายได้การท่องเที่ยว 1,232 ล้านบาท ขยายตัว 1,794%
6.ภูมิภาคตะวันออกกลาง คาดว่ามีนักท่องเที่ยว 23,069 คน ขยายตัว 2,646% สร้างรายได้ 2,361 ล้านบาท ขยายตัว 1,905%
7.ภูมิภาคแอฟริกา คาดว่ามีนักท่องเที่ยว 3,486 คน ขยายตัว 868% สร้างรายได้ 309 ล้านบาท ขยายตัว 600%
สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยมากที่สุด 10 อันดับแรกในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีดังนี้
1. รัสเซีย 51,360 คน
2.เยอรมนี 38,359 คน
3.สหราชอาณาจักร 31,712 คน
4.ฝรั่งเศส 29,855 คน
5.สหรัฐ 25,315 คน
6.จีน 15,410 คน
7.สวีเดน 14,269 คน
8.ออสเตรเลีย 13,799 คน
9.อิสราเอล 11,681 คน
10.อินเดีย 9,080 คน
คาด Q2 ต่างชาติเที่ยวไทย 3.4 แสนคน
นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านแนวโน้มสถานการณ์ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศในไตรมาส 2/2565 (เม.ย.-มิ.ย.) คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 341,340 คน เพิ่มขึ้น 1,584% สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 23,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 983% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แบ่งเป็น
1.ภูมิภาคอาเซียน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 72,120 คน ขยายตัว 2,171% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 3,251 ล้านบาท ขยายตัว 1,162%
2.ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ 39,000 คน ขยายตัว 953% สร้างรายได้ 2,159 ล้านบาท ขยายตัว 521%
3.ภูมิภาคยุโรป 128,100 คน ขยายตัว 1,667% สร้างรายได้ 9,868 ล้านบาท ขยายตัว 1,097%
4.ภูมิภาคอเมริกา 26,740 คน ขยายตัว 603% สร้างรายได้ 2,008 คน ขยายตัว 375%
5.ภูมิภาคเอเชียใต้ 25,220 คน ขยายตัว 6,334% สร้างรายได้ 1,373 ล้านบาท ขยายตัว 3,397%
6.ภูมิภาคโอเชียเนีย 20,160 คน ขยายตัว 4,700% สร้างรายได้ 1,610 คน ขยายตัว 3,286 คน
7.ภูมิภาคตะวันออกกลาง 23,900 คน ขยายตัว 2,243% สร้างรายได้ 2,390 คน ขยายตัว 1,668% และ
8.ภูมิภาคแอฟริกา 6,100 คน ขยายตัว 1,096% สร้างรายได้ 424 ล้านบาท ขยายตัว 638%
จับตา ‘รัสเซีย-ยูเครน’ สะเทือนยุโรปเที่ยวไทย
ทั้งนี้มีสาเหตุหลักจากการปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าไทย อาทิ การแสดงผลตรวจเชื้อ จำนวนวันกักตัว การเปิดจังหวัดชายแดน นำร่องท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเที่ยวไทย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามประเด็นสำคัญที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของนักท่องเที่ยว ได้แก่
1.วิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักท่องเที่ยวรัสเซีย และการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวเข้าไทยของนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป รวมทั้งอาจส่งผลให้เกิดวิกฤติน้ำมันและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
2.สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ทั้งในต่างประเทศและไทย อาจทำให้มีการกลับมายกระดับมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศเข้มงวดขึ้น
3.ประเทศคู่แข่งขันสำคัญของไทยในภูมิภาคเอเชียและแปซิกฟิกใต้ เช่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้ ปรับมาตรการขาเข้าประเทศให้มีความเข้มงวดน้อยลง เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565