วิจัยกรุงศรี คาด กนง.ตรึงดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ 0.50% ตลอดทั้งปี
วิจัยกรุงศรี คงคาดการณ์ กนง.จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตลอดทั้งปี เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบาง ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ
วิจัยกรุงศรี ชี้เศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ ได้แรงหนุนจากภาคส่งออกที่เติบโตดี ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศชะลอลงเล็กน้อย โดยมูลค่าการส่งออกกลับมาเติบโตในอัตราเลขสองหลัก (+16% YoY) ตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ปรับดีขึ้น ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม จากการกลับมาเปิดลงทะเบียนเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์
ส่วนการใช้จ่ายในประเทศ ดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเติบโตชะลอลง (+2.3% จาก 5.0%) เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดในประเทศที่กลับมารุนแรงขึ้น
ประกอบกับราคาพลังงาน และราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลดลง อย่างไรก็ดี มาตรการภาครัฐยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยพยุงการใช้จ่ายภาคครัวเรือน
เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวชะลอลง (+4.3% จาก 7.8%) ตามการลดลงของการนำเข้าสินค้าทุนเป็นหลัก ขณะที่การลงทุนภาคก่อสร้างค่อนข้างทรงตัว
แม้ในช่วงต้นปีเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว แต่ในระยะข้างหน้ายังมีปัจจัยลบทั้งจากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนในไทยที่ยังอยู่ในระดับสูงอาจกดดันความเชื่อมั่น และกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ
ขณะที่ปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังมีความไม่แน่นอน และอาจยืดเยื้อในไตรมาส 2กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะยุโรป
จึงอาจส่งผลต่อ(i) การค้าระหว่างประเทศจากความต้องการสินค้าและบริการชะลอลง ปัญหาหรืออุปสรรคในการขนส่ง
รวมถึงปัญหาห่วงโซ่อุปทานของสินค้าบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
(ii)ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น กระทบต่อทั้งต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจ และค่าครองชีพของประชาชนบั่นทอนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน
กนง.ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เล็กน้อย แต่ปรับเพิ่มเงินเฟ้อสูงเหนือกรอบเป้าหมาย วิจัยกรุงศรีคาดดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ 0.50% ตลอดทั้งปี
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง
ล่าสุด กนง.ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2565 เติบโต 3.2% จากเดิมคาด 3.4% เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการปรับขึ้นของราคาพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะลอตัวลง
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยของปีนี้ กนง.ได้ปรับคาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 4.9% จากเดิมคาด 1.7% ผลจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น และการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารเป็นสำคัญ
แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปีนี้มีแนวโน้มสูงเกินกรอบเป้าหมาย (1-3%)
วิจัยกรุงศรียังคงคาดการณ์ว่า กนง.จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ตลอดจนถึงสิ้นปี เนื่องจาก (i) อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นผลจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทาน (cost-push inflation)
ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) ยังอยู่ในระดับต่ำจากรายได้ที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว (ii) การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าส่วนใหญ่กระจุกตัวในหมวดพลังงาน และการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลักซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นชั่วคราว
(iii) อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย ขณะที่ กนง.ระบุว่า "แม้เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่า 5% ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปี 2565แต่จะทยอยปรับลดลง และจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในช่วงต้นปี 2566" และ (iv) ถ้อยแถลงของ กนง.ระบุว่า "ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ"
โดยจากประมาณการ GDP ล่าสุดของ ธปท.ที่ 3.2% ประเมินว่าระดับของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเท่ากับก่อนเกิดการระบาด Covid-19 ได้อาจเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์