พาณิชย์รอ ป.ป.ช. ‘ชี้มูล’ ทุจริตถุงมือยางแสนล้าน
ผู้อำนวยการการองค์การคลังสินค้า หรือ อคส.เผยความคืบหน้าคดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอ ปปช.ชี้มูลความผิดเพื่อพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม มั่นใจต้องได้เงินมัดจำ 2,000 ล้านบาท คืนครบถ้วน
ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า หรือ อคส.เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ระบุ ความคืบหน้าคดีทุจริตในโครงการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท อคส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เสียหายได้ลงโทษทางวินัยผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้วตั้งแต่ ต.ค.64 อีกส่วนหนึ่งหน่วยงานรัฐที่บังคับใช้กฎหมายทั้ง 3 หน่วยงาน คือ ความรับผิดทางละเมิดที่ส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณา 2 ประเด็นคือ จำนวนผู้ที่จะต้องชดใช้ความเสียหายให้ อคส. ทั้งหมด 7 คน ซึ่งมีทั้งผู้ที่จงใจทำให้ อคส.เสียหาย และประมาทเลินเล่อจนทำให้ อคส.เสียหาย รวมถึงมูลค่าความเสียหายรวมดอกเบี้ยของ อคส. ทั้งสิ้น 2,003 ล้านบาท ว่าจะมีเพิ่มเติมหรือลดลงหรือไม่อย่างไรซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังจะพิจารณา
สำหรับการเอาผิดคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้อง อคส.ได้ยื่นตั้งแต่ ก.ย.63 ขณะนี้รอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดก่อน เมื่อชี้มูลแล้วจะส่งเรื่องให้อัยการฟ้องร้องดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปที่ศาลอาญาทุจริตต่อไป ขณะเดียวกันสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.จะพิจารณาคดีทางแพ่ง และดำเนินการให้ทั้งหมดชดใช้ความเสียหาย มั่นใจว่า อคส.จะได้รับเงิน 2,000 ล้านบาท ที่ได้มีการถอนออกจากบัญชีของอคส.ไปจ่ายเป็นค่ามัดจำสินค้าให้กับบริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัด คู่สัญญาที่ อคส.ว่าจ้างผลิตถุงมือยางได้ครบถ้วน
ทั้งนี้ยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมด อคส.ได้ทำเต็มที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้รอหน่วยงานที่จะบังคับใช้กฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า โดยมีนายวิชัย โภชนกิจ เป็นประธานกรรมการ ซึ่งมีภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องเข้าไปสะสางคือ คดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในสมัยที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการ อคส. เมื่อเดือนส.ค.2563 โดยได้ทำสัญญากับการ์เดียนโกลฟส์ ผู้ผลิต และผู้ซื้อถุงมือยางจาก อคส. เพื่อไปขายต่ออีก 7 ราย และได้นำเงินของ อคส. 2,000 ล้านบาทจ่ายให้การ์เดียนโกลฟส์เป็นค่ามัดจำสินค้า โดยไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ด อคส. และขณะนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการทุจริต ได้ถูกไล่ออก และอยู่ระหว่างการติดตามเงิน 2,000 ล้านบาทคืน
นอกจากนี้ ต้องเข้าไปช่วยผลักดันให้ อคส. มีรายได้เพื่อเลี้ยงองค์กร ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าที่มีอยู่ การค้าข้าวแบรนด์ อคส. ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นข้าวคุณภาพดี และการหารายได้อื่นๆ