"AWC" ลุ้นเปิดประเทศเต็มตัว Q2 ดันไทยสู่ "ชอยส์แรก" ท่องเที่ยวโลก!
“ศึกเปิดประเทศ” ยุคโควิด-19 คลี่คลายร้อนระอุ! นานาประเทศต่างประกาศ “ปลดล็อกมาตรการเดินทาง” เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจับจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กิจการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้กลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ในฐานะ “บิ๊กคอร์ป” ของวงการท่องเที่ยวและโรงแรมไทย ปัจจุบันมีกลุ่มโรงแรมในเครือทั้งหมด 19 แห่ง ตั้งอยู่ทั่วประเทศใน 6 เมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างกรุงเทพฯ กระบี่ หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ และเกาะสมุย มีจำนวนห้องพักรวมกันกว่า 5,201 ห้อง ถึงคราวเตรียมความพร้อม งัดทุกแผนการตลาดรอคว้าโอกาสรับไทม์ไลน์ “เปิดประเทศเต็มรูปแบบ” ซึ่งรัฐบาลมีแนวโน้มปลดล็อกภายในไตรมาส 2 ปีนี้
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า ต้องรอดูว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบเร็วแค่ไหน เป็นเดือนไหนในไตรมาส 2 นี้ หลังแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อต้นปี นับตั้งแต่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าไทย กลับมาเปิดระบบลงทะเบียนรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go รอบใหม่เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
และเมื่อดูภาพรวมยอดจองห้องพักโรงแรมในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งรัฐบาลเพิ่งผ่อนคลายมาตรการยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าไทย มีผลเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามากขึ้น ค่อยๆ สร้างฐาน “กระแสการเดินทาง” ให้กลับมาดีอีกครั้ง โดยบริษัทเชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะได้เห็นแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยชัดเจนมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์ “รักษาตำแหน่ง” (Positioning) ของภาคท่องเที่ยวไทยในฐานะ “ผู้นำท่องเที่ยวโลก” ผ่านการนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวอันหลากหลาย
“ต้องรอรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าไทยเพิ่มเติม เพื่อแข่งขันกับจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในโลกซึ่งเปิดประเทศไปก่อนหน้าแล้ว”
ยกตัวอย่างเช่น “มัลดีฟส์” ซึ่งมีซัพพลายโรงแรมจำกัด เมื่อเทียบกับดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติมองหา “First Choice” หรือ “ตัวเลือกแรก” ในการท่องเที่ยวพักผ่อนยุคโควิด-19 ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการของโรงแรมในมัลดีฟส์ปี 2564 สูงกว่าปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19
และทันทีที่ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ เราก็จะเป็น First Choice ของนักท่องเที่ยวเช่นกัน!
“บริษัทได้เตรียมกลยุทธ์ที่แน่นอนเพื่อรองรับความไม่แน่นอนต่างๆ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ลากยาวกว่า 2 ปีได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ทำให้บริษัทเห็นลูกค้าชัดเจนมากขึ้น เตรียมความพร้อมในการต้อนรับ นำเสนอแพ็คเกจที่ตอบโจทย์ลูกค้าในองค์รวมทั้งแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ บริษัทจึงมั่นใจอย่างมากว่าหากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายในปี 2565 ทุกกลุ่มธุรกิจของ AWC จะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด”
สอดรับกับเทรนด์การเดินทางที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบลองสเตย์ (Long Stay) และเวิร์กเคชั่น (Workation) ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางในวันธรรมดามากขึ้น เปิดโอกาสให้บุคลากรในหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ และกลุ่มคนวัยทำงาน สามารถเปลี่ยนสถานที่ทุกที่ให้เป็นที่ทำงาน ท่ามกลางบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจนำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และแพ็คเกจด้านอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นจุดเด่นของโรงแรมในเครือ AWC
ด้วยโมเดล “ผนึกกำลังทุกภาคส่วน” โดยเฉพาะพันธมิตรหลัก “เชนโรงแรม 3 รายใหญ่ระดับโลก” ได้แก่ เครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล, เครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป หรือ IHG และเครือมีเลีย เชนโรงแรมชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปจากประเทศสเปน ผ่านเครือข่ายการทำตลาดซึ่งทั้ง 3 เชนโรงแรมดังกล่าวมีสมาชิกรวมกันมากกว่า 400 ล้านราย ในการดึงดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มคุณภาพที่ “Enjoy Spending” ใช้จ่ายสูง และนิยมกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยซ้ำ มีส่วนในการเสริมความแข็งแกร่งด้านรายได้ของภาคท่องเที่ยวไทย
หลังจากเห็นแรงส่งหรือโมเมนตัมแรกในไตรมาส 4 ปี 2564 พบยอดการจองห้องพักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่โรงแรมของบริษัทในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กรุงเทพฯ เติบโตเฉลี่ย 2 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563 ส่วนภูเก็ตเติบโตมากถึง 8 เท่า!
อีกกลยุทธ์คือ “การเพิ่มประสิทธิภาพ” ในการดำเนินงาน เช่น ลดค่าใช้จ่าย และต้นทุนคงที่ โดยตั้งแต่เจอสถานการณ์โควิด-19 บริษัทพัฒนาจุดนี้อย่างเป็นรูปธรรม มีการใช้โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เข้ามาเสริม เพราะเราทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว จึงต้องนำโมเดลธุรกิจใหม่ๆ คิดคอนเซ็ปต์ใหม่ (Re-concept) มาดำเนินธุรกิจ ปรับตัวฝ่าสถานการณ์ต่างๆ ที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน!
“บริษัทได้เตรียมความพร้อมทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และทันทีที่มีการเปิดฯ ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ เราก็จะร่วมเฟ้นคุณภาพการท่องเที่ยวไทยให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง!” แม่ทัพใหญ่ของ AWC กล่าวปิดท้าย