ที่พักอาศัย ’โดนใจ’ วัยเกษียณ แบบไหนคือคำตอบ
รายงานจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทยเผยว่า ปี 2565 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ที่ใช้เวลาเพียง 17 ปีนับจากปี 2548 ในการเปลี่ยนผ่านเป็นสังคมสูงอายุ สวนทางกับอัตราเด็กเกิดใหม่ที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
สำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงข้อมูลจำนวนการเกิดประจำปี 2564 พบว่า มีประชากรเกิดทั้งหมด 544,570 คน ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติ และเป็นปีแรกที่ประเทศไทยมีการเกิดน้อยกว่าการตาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวมไปถึงการที่คนไทยครองตัวเป็นโสดมากขึ้นหรือชะลอการมีบุตรจึงส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของจำนวนประชากร
จากแนวโน้มข้างต้นส่งผลให้ผู้บริโภคทั้งที่ครองตัวเป็นโสดหรือไม่มีบุตรหลาน เริ่มหันมาตระหนักถึงการวางแผนช่วงบั้นปลายชีวิตมากขึ้น ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด เผยให้เห็นว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยรองรับชีวิตหลังเกษียณมากขึ้น โดยเชียงใหม่ถือเป็นเมืองยอดนิยมอันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการไปใช้ชีวิตหลังเกษียณ (24%) ตามมาด้วยเชียงราย และชลบุรี (10% และ 8% ตามลำดับ) โดยมากกว่าครึ่ง (52%) เผยว่าปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดให้สนใจไปอยู่ทำเลดังกล่าวมาจากการได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติหรือพื้นที่สีเขียว ตามมาด้วยตั้งอยู่ใกล้สถานพยาบาลเพื่อความสะดวกหากต้องไปพบแพทย์ (49%) และอยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชนที่ช่วยให้เดินทางไปที่ต่าง ๆ สะดวกขึ้น (44%)
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้บริโภคจะมีความสนใจโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อวัยเกษียณ (Retirement Village) แต่พบว่าอุปสรรคสำคัญในการย้ายออกมาจากเหตุผลด้านการเงินและความผูกพันในครอบครัว โดย 45% ของผู้บริโภคทุกช่วงวัยมองว่าโครงการหมู่บ้านวัยเกษียณมีราคาสูงเกินความสามารถที่จะจ่ายไหว ตามมาด้วยความต้องการอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวและบุตรหลาน (44%) ต้องการอยู่ที่บ้านหลังปัจจุบันมากกว่า (41%) กังวลในเรื่องของความปลอดภัยและสุขภาพ (34%) และมองว่าโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อวัยเกษียณไม่จำเป็น (19%)
ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) นั้นก็มีอุปสรรคในการย้ายไปอยู่อสังหาริมทรัพย์สำหรับวัยเกษียณเหมือนกับผู้บริโภคในช่วงวัยอื่น แต่ให้น้ำหนักของความสำคัญ 3 อันดับแรกต่างออกไป โดยมากกว่าครึ่ง (52%) เลือกอยู่บ้านเดิมของตน และต้องการอยู่กับครอบครัว (51%) ตามมาด้วยมองว่ามีราคาแพงเกินไป (43%) สะท้อนให้เห็นว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่นั้นมีความคุ้นเคยและชื่นชอบการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมเดิมกับครอบครัวมากกว่าการย้ายออกไปอยู่โครงการที่อยู่อาศัยวัยเกษียณที่ต้องปรับตัวใหม่ แม้จะได้พบหรือมีสังคมรุ่นเดียวกันก็ตาม
จับตาความต้องการบ้านผู้สูงวัย เปลี่ยนไปแค่ไหนเมื่อเจอโควิด
บ้านที่ดีต้องส่งเสริมสุขภาพ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการจุดประกายให้ผู้บริโภคทุกช่วงวัยเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้วป่วยหนัก โดย 3 ใน 4 ของผู้บริโภคอายุ 60 ปีขึ้นไป (75%) เผยว่า โควิด-19 ทำให้หันมาตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสุขภาพที่ดีมากขึ้น ไม่เพียงแต่มีผลต่อแนวคิดการดำเนินชีวิตเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการที่อยู่อาศัยเช่นกัน โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่ 74% เผยว่ายินดีที่จะจ่ายเพิ่มหากโครงการอสังหาริมทรัพย์มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ในขณะที่ 2 ใน 3 ของผู้สูงอายุ (69%) มองว่าระบบระบายอากาศและแสงธรรมชาติที่เพียงพอถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญและมีความจำเป็นสำหรับที่อยู่อาศัย แม้ว่าการแพร่ระบาดฯ จะจบลงก็ตาม เห็นได้ชัดว่าผู้สูงอายุมีความตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับการเลือกบ้านที่เสริมสร้างความสบายใจในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากถือเป็นช่วงวัยที่ได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้นนั่นเอง
วัยเก๋าก้าวทันโลก PropTech การแพร่ระบาดฯ ที่ยาวนานถือเป็นอุปสรรคสำคัญเมื่อต้องเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ และกลายเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ผู้สูงอายุหันมาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มาอำนวยความสะดวกในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้ราบรื่นยิ่งขึ้น ข้อมูลจากแบบสอบถามฯ เผยว่า เกือบครึ่งของผู้บริโภคที่อายุ 60 ปีขึ้นไป (48%) นิยมคัดเลือกโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สนใจผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ 44% ยังเข้าร่วมงานแสดงที่อยู่อาศัยออนไลน์ รวมไปถึงมีการเยี่ยมชมโครงการเสมือนจริง (Virtual Tour) ถึง 39% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้สูงอายุปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ได้มากกว่าแค่ใช้เพื่อค้นหาข้อมูลทั่วไป แต่ยังสามารถเลือกใช้ฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการเพื่อสนับสนุนการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้กลายเป็นคนหาบ้านยุคดิจิทัล ทลายกำแพงผู้สูงวัยที่มีต่อการเรียนรู้เทคโนโลยีและโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี
ขนาดที่อยู่อาศัยดึงดูดใจเมื่อคิดซื้อบ้าน ปัจจัยภายในโครงการที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ เมื่อผู้สูงอายุตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมาจากขนาดที่อยู่อาศัยเป็นหลักถึง 55% เนื่องจากมองว่าพื้นที่ใช้สอยในบริเวณบ้านควรมีเพียงพอรองรับการทำกิจกรรมที่หลากหลายของคนในครอบครัวที่มีหลายช่วงวัย ตามมาด้วยการพิจารณาจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในที่อยู่อาศัย และมาตรการ/โครงการที่จะช่วยให้มีบ้านเป็นของตัวเองง่ายขึ้นในสัดส่วนที่ไล่เลี่ยกัน (48% และ 47% ตามลำดับ) สาเหตุมาจากการที่ผู้สูงอายุมองว่าการซื้อบ้านในช่วงที่อายุมากขึ้น อาจเป็นอุปสรรคเมื่อยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือได้ระยะเวลาผ่อนชำระที่น้อยลง หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุที่มีความพร้อมด้านการเงินสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ 3 อันดับแรกของปัจจัยภายนอกโครงการที่ผู้สูงอายุใช้พิจารณาเมื่อเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยจะเน้นไปที่การเพิ่มความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตปัจจุบันเป็นหลัก โดยมากกว่าครึ่ง (56%) ต้องการโครงการที่เดินทางสะดวกและเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ ตามมาด้วยพิจารณาจากทำเลที่ตั้ง (52%) และความปลอดภัยของทำเล (44%) เพื่อรองรับการใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสบายใจไร้กังวลแม้อยู่เพียงลำพัง
พักผ่อนวิถีใหม่ “บ้านพักคนชรา VS บ้าน/คอนโดผู้สูงอายุ” แบบไหนคือคำตอบ
ผู้บริโภคในแต่ละช่วงวัยต่างมีความต้องการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปรวมไปถึงผู้สูงอายุเช่นกัน ผู้สูงอายุบางส่วนอาจต้องการความเป็นส่วนตัว อยากทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนวัยเดียวกัน หรือมองหาที่อยู่อาศัยที่มีบริการด้านสุขภาพมาทดแทนในกลุ่มผู้สูงอายุที่ครองตัวเป็นโสดหรือบุตรหลานไม่มีเวลามาดูแลมากพอ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย แนะนำแนวทางเลือกที่อยู่อาศัยรองรับวัยเกษียณ เพื่อให้ผู้บริโภคได้วางแผนเลือกบ้านหลังสุดท้ายให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเมื่อถึงวัยพักผ่อนจากการทำงาน
บ้านพักคนชรา เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่มีเจ้าหน้าที่และพยาบาลวิชาชีพคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งมีอุปกรณ์รักษาพยาบาลตามระดับความต้องการของผู้สูงอายุ ซึ่งจำแนกตามความต้องการพึ่งพิงบุคคลอื่นที่แตกต่างกันออกไป จึงเหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ บ้านพักคนชราจะมีบริการอาหารครบ 3 มื้อ และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้อยู่อาศัย ห้องพักพื้นฐานในแต่ละโครงการจะมีให้เลือกทั้งแบบห้องพักรวม ห้องพักเดี่ยวที่เสียค่าใช้จ่ายเมื่อเข้าพักเป็นรายเดือน หรือบ้านพักแบบพิเศษที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ซึ่งต้องจ่ายค่าแรกเข้าเพื่อบำรุง/ปรับปรุงที่พักเป็นเงินก้อนและจ่ายค่าเข้าพักรายเดือนเช่นกัน บ้านพักคนชราจึงเหมาะกับผู้สูงอายุที่มีเงินเดือนหรือรายได้ต่อเดือนสม่ำเสมอ หรือมีเงินบำนาญ ปัจจุบันบ้านพักคนชรามีหลายรูปแบบและหลายระดับราคาให้เลือกเริ่มต้นจากหลักพัน โดยคิดราคาจากความต้องการของผู้สูงอายุและความยากง่ายในการดูแล อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้บ้านพักคนชราบางรูปแบบที่มีราคาไม่แพงมีจำนวนไม่เพียงพอกับความต้องการ ผู้ที่สนใจจึงควรตรวจสอบคุณสมบัติให้พร้อมก่อนวางแผนจองคิวบ้านพักคนชราที่สนใจไว้ล่วงหน้า
บ้าน/คอนโดผู้สูงอายุ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุยุคใหม่ที่สามารถดูแลตัวเองได้ มีสุขภาพแข็งแรง และยังต้องการเข้าสังคมเพื่อพบปะเพื่อนฝูง โดยบ้าน/คอนโดผู้สูงอายุจะออกแบบที่พักอาศัยโดยคำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุเป็นหลัก มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้บริการตลอด 24 ชม. มีพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนโครงการที่อยู่อาศัยทั่วไป พร้อมทั้งมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ให้ได้ทำร่วมกับเพื่อนวัยเดียวกัน รูปแบบการซื้อขายมีทั้งแบบขายสิทธิอยู่อาศัย 30 ปี ขายสิทธิการอยู่อาศัยตลอดชีวิต หรือขายขาด ราคาที่พักแต่ละโครงการเริ่มต้นตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีเงินเก็บก้อนใหญ่ มีการวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ โดยผู้สูงอายุต้องเตรียมเงินให้พร้อมก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ และต้องมีเงินเก็บสำรองสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีกด้วย เนื่องจากต้องรับผิดชอบค่าอาหาร ค่าทำความสะอาด ค่ากิจกรรมต่าง ๆ และค่ารักษาพยาบาลเอง แม้บ้าน/คอนโดผู้สูงอายุจะมีราคาค่อนข้างสูงแต่ก็มาพร้อมกับความสะดวกสบายที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตตามวิถี Young at heart ได้อย่างเป็นอิสระและปลอดภัย