"พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น"หวนยื่นไฟลิ่งขายหุ้น IPO 307 ล้านหุ้น

"พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น"หวนยื่นไฟลิ่งขายหุ้น IPO 307 ล้านหุ้น

"พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น"กลับมายื่นไฟลิ่งขายหุ้น IPO จำนวน 307 ล้านหุ้น หวังนำเงินขยายธุรกิจ ,ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระหนี้

บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC  ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)  วันที่ 12เม.ย. 2565เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นการยื่นครั้งที่2 หลังจากปลายปี2561ที่เคยยื่นไฟลิ่งมาแล้ว

ทั้งนี้จะเสนอขายหุ้นIPOจำนวน 307 ล้านหุ้น  มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท ซึ่งประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ คิดเป็นร้อยละ 25.03 ของจํานวนหุ้นสามัญที่ออกและชําระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 

สำหรับเงินที่ได้จาการเสนอขายหุ้นIPOครั้งนี้พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น  จะนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคตอื่น,เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนิน งาน และเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปของบริษัทฯและชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน

โดย บริษัทพรีไซซ คอร์ปอเรชั่น ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ประกอบด้วยสายธุรกิจหลัก  3 สาย ดังนี้

1. สายธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า งานบริหารโครงการ งานบริการ งานบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าทั้งแรงต่ำและแรงสูง และระบบบริหารจัดการพลังงาน ให้มีประสิทธิภาพ (Power Distribution & Energy Management System)

2. สายธุรกิจ รับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง พร้อมผลิตติดตั้งระบบควบคุมสำหรับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ และผลิตมิเตอร์อัจฉริยะ (Intelligent Grid)

3. สายธุรกิจ ลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และผลิตเชื้อเพลิงจากพืชพลังงาน และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (Renewable Energy)
 


  ผลการดำเนินงานในช่วง3 ปีที่ผ่านมา (2562-2564) บริษัทมีรายได้ รวมจำนวน   3,931.26 ล้านบาท , 4,054.89 ล้านบาท และ3,638.63 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 342.24  ล้านบาท ,    279.96 ล้านบาท  และ  228.32  ล้านบาทตามลำดับ 

 ส่วนโครงการผู้ถือหุ้นของพรีไซซ คอร์ปอเรชั่น 5 อันดับแรกประกอบด้วย

1.ครอบครัวสัมฤทธิ์ถือหุ้นจำนวน 232.73 ล้านหุ้น 25.79% หลังขายไอพีโอ สัดส่วนถือหุ้นลดลงเหลือ 19.34%

2.ครอบครัวณัฐชยางกุล     ถือหุ้น จำนวน 149.11 ล้านหุ้น หรือ 16.21% หลังขายไอพีโอ สัดส่วนถือหุ้นลดลงเหลือ12.16%

3.ครอบครัวเสนีย์มโนมัย  ถือหุ้นจำนวน   89.13 ล้านหุ้น  หรือ 9.66% หลังขายไอพีโอ สัดส่วนถือหุ้นลดลงเหลือ7.27%

4. สมาคมพนักงานกลุ่มบริษัท พรีไซซ จำนวน 88.82 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.66%หลังขายไอพีโอ สัดส่วนถือหุ้นลดลงเหลือ7.24% 

5.ครอบครัวจุฬานุตรกุล ถือหุ้น 75.71 ล้านหุ้น คิดเป็น    8.23%    หลังขายไอพีโอ สัดส่วนถือหุ้นลดลงเหลือ 6.17%