ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจของท่าน!
ใครจะมาเป็นรัฐบาลในอนาคตอันใกล้นี้ ก็แค่เป็นเรื่องของนักการเมืองที่จะมาบริหารประเทศถ้าจะติดตามบ้าง ฉะนั้นอีกครั้ง ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจของท่าน!
Part.1.ยกเว้น.....
ธุรกิจของท่านเป็นธุรกิจใหญ่ที่ต้องใช้สายสัมพันธ์นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ในการสนับสนุน กึ่งผูกขาด หรือเอารัดเอาเปรียบคู่แข่ง สกัดกั้นคู่แข่งไม่ให้เกิด ถ้าเป็นแบบนี้ ธุรกิจใหญ่หรือธุรกิจที่เกิดจากเครือญาตินักการเมืองมาเปิดมากอบโกยในช่วงที่เป็นรัฐบาล (เช่นหลานของลุงผู้มีอำนาจบางคน?) อันนี้จำเป็นต้องเกี่ยวข้อง!
Part.2.หลังวันอาทิตย์ 14 พฤษภาคม...
เนื่องจากคอลัมน์ตอนนี้ เขียนก่อนวันเลือกตั้ง จึงได้แต่ “คาดเดา” ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในทางการเมือง
หลังวันอาทิตย์ 14 พฤษภาคม 2566...เช่น
วันจันทร์ 15 พฤษภาคม อาจเกิดความโกลาหลเกี่ยวกับ การนับและรวมคะแนน เพราะคนและพรรคที่แพ้ในแต่ละเขตทั้วประเทศไม่ยอมรับผล เพราะประชาชนและผู้สมัครจำนวนมากไม่เชื่อถือ ไม่ไว้ใจ กกต.!
หรือ... ผลการเลือกตั้ง บางพรรคได้เสียงข้างมาก และสามารถพลิกจากฝ่ายค้าน มาเป็นฝ่ายรัฐบาลในอนาคตอันใกล้ได้ หลังจากรวบรวม พรรคอื่น ผ่านการเจรจาต่อรอง ผลประโยชน์กันลงตัว
หรือ...ฝ่ายรัฐบาลเดิม ใช้กลยุทธ์พิเศษบางอย่าง เช่น ยุบ ยื้อ รื้อ โมฆะ สารพัดวิธีการเพื่อให้กลับมาเป็นรัฐบาลได้เหมือนเดิม!
หรือ เกิดความวุ่นวาย ก่อม็อบ หลังการเลือกตั้ง เป็นต้น
สรุปแล้ว หลังวันอาทิตย์ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ในทางการเมืองน่าจะวุ่นวาย ฝุ่นตลบ ยืดเยื้อไปอีกสักพัก ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม!
Part.3.ถ้าธุรกิจของท่าน...
ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องโดยตรงหรือเกี่ยวข้องมากกับฝ่ายที่จะมาเป็นรัฐบาล ไม่ต้องรอรับการช่วยเหลือจากนโยบายของฝ่ายที่จะมาเป็นรัฐบาล
คำแนะนำแบบตรงไปตรงมาก็คือ อย่าไปเสียเวลาใส่ใจมากว่าฝ่ายไหนจะแพ้ ฝ่ายไหนจะชนะ ฝ่ายไหนจะใช้วิชามารต่างๆ รวมกันจัดตั้งรัฐบาล!
ติดตามข่าวสารเพื่อเอามัน สนุกสนานชั่วครั้งชั่วคราวได้บ้าง แต่อย่าไป อินกับฝ่ายไหนมากเกินไปจนทำให้ในครอบครัวเดียวกันทะเลาะกันเพราะพ่อ แม่ ลูก หรือญาติพี่น้องเชียร์คนละพรรค
หรือไปอินตามข่าวมาเกินไปจนเสียเวลาทำมาหากิน!
เพราะไม่ว่าฝ่ายใดจะมาเป็นรัฐบาล ก็จะเลือกทำสิ่งที่เป็น ผลประโยชน์กับตัวเอง พวกพ้อง พรรคตนเอง พรรคร่วม ก่อนที่จะทำประโยชน์ให้กับภาคประชาชนเสมอไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้!
Part.4.อะไรคือคือเรื่องสำคัญ!?
ไม่ว่าจะเมื่อวาน วันนี้ หรือวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าฝ่ายใดจะมาเป็นรัฐบาล ไม่ว่ามันจะวุ่นวาย โกลาหลในเรื่องการต่อต้านและการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือถ้าเกิดขึ้นแล้วจะยืดเยื้อหรือไม่...
ธุรกิจของท่านก็ยังคงต้องเดินต่อไป ติดตามข่าวสารเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบระยะสั้นได้ ติดตามข่าวและวิเคราะห์เพื่อหาหรือสร้างโอกาสจากปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ต้องไปจิตตก ถ้าสถานการณ์เลวร้าย แค่รับรู้เข้าใจ ก็จะพบว่า มันก็เป็นเช่นนั้นเองกับการเมืองแบบไทยๆ!
Part.5.กลยุทธ์ /ลูกค้า /การบริหาร / คือเรื่องสำคัญกว่า!
สิ่งที่ควรโฟกัส ยังคงเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในธุรกิจของท่าน จะคงเดิม จะแตกต่าง หรือจะปรับแต่งกลยุทธ์ธุรกิจของท่านอย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งนะยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว
ลูกค้า... บางส่วนอาจมีการชะลอการสั่งซื้อ ถ้าการเมืองยังวุ่นวาย แต่ลูกค้าส่วนมากไม่เลิกซื้อแน่นอนครับ เพราะลูกค้าก็ต้องกิน ต้องใช้ ต้องบริโภคทางกาย(ซื้อเพื่อตอบสนองทางร่างกาย) ทางใจ (ซื้อเพื่อตอบสนองทางด้านจิตใจ)
ถ้าลูกค้าจะเลิกซื้อ ก็จะเกิดจากเลิกซื้อกับท่านแต่ไปซื้อกับคู่แข่งมากกว่า!
สิ่งที่ควรโฟกัสในเรื่องลูกค้าคือ ธุรกิจของท่านจะพึ่งพา รักษาฐานลูกค้าเก่าเป็นหลัก หรือให้ความสำคัญกับการขยับขยาย สร้างฐานลูกค้าใหม่ๆควบคู่กันไปด้วย
และถ้าจะรักษาฐานลูกค้าเก่า จะเน้นใช้วิธีการรักษาด้วย ช่องทางที่ใช้คนในการสื่อสาร หรือใช้ Online ในการสื่อสารและสร้างสายสัมพันธ์ หรือจะผสมผสานกันอย่างไร?
ถ้าจะขยับขยายสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ จะใช้ช่องทางที่ใช้คนเป็นหลักหรือ Online เป็นหลัก?
ในเรื่องการบริหารจัดการ...ถ้าท่านเป็นผู้นำขององค์กร ท่านสร้างมือรองไว้รองรับ ทดแทนท่านในกรณีที่ท่านต้องการขยับขยายธุรกิจได้เพียงพอหรือไม่? หรือยิ่งขยายธุรกิจ ท่านยิ่งเหนื่อยเพราะท่านแทบจะคิดเอง ทำเอง แต่ขาดมือรองช่วยคิดช่วยทำ?
ในเรื่องการบริหารจัดการ ท่านจำเป็นต้องใช้โครงสร้างการบริหารจัดการแบบเดิม หรือถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริหารจัดการให้ ยืดหยุ่น กระชับ พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น?
Part.6.เพราะฉะนั้น...
ในเมื่อท่านไปใช้สิทธิ์การเลือกตั้งมาแล้วในวันอาทิตย์ ที่14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะกาให้ฝ่ายใดหรือกาแบบไม่อยากจะเลือกใคร ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ใครจะมาเป็นรัฐบาลในอนาคตอันใกล้นี้ ก็แค่เป็นเรื่องของพวกนักการเมืองที่จะมาบริหารประเทศถ้าจะติดตามบ้าง ก็คิดซะว่าไม่ต่างอะไรกับละครน้ำเน่า ดราม่า รูปแบบเดิมๆที่จะได้พวกหน้าเดิม หรือผสมหน้าใหม่ มากอบโกยผลประโยชน์เข้าพวกพ้อง ด้วยเทคนิคใหม่ๆ ไม่ได้ทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้นอีกครั้ง... ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจของท่าน!