โอกาสสำคัญ ลงทุนตราสารหนี้โลก รับดอกเบี้ยพีค
การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้จึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนดี แนะนำให้กระจายลงทุนไปยังตราสารหนี้โลกที่อยู่ในระดับ Investment Grade (IG) เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทน-ความเสี่ยงการลงทุนอยู่ในระดับต่ำจาก credit rating ของตราสาร และจากการกระจายความเสี่ยงไปยัง Bond ทั่วโลก
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และอาจเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู่กับเงินเฟ้อที่กินเวลากว่า 1 ปี ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงเวลานี้มีความน่าสนใจ ซึ่งไม่เพียงแต่ตราสารหนี้สหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนตราสารหนี้ในภูมิภาคอื่นที่มีทิศทางกลับขาเป็นขาลงในช่วง 1 ปีข้างหน้าด้วย
จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวันที่ 25-26 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ อีก 25 bps สู่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปี ทรงตัวที่ระดับประมาณ 3.8% ซึ่งเป็นระดับเดิมก่อนการประชุม
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่า ตลาดมองว่ามีโอกาสถึง 78% ที่ Fed จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย. และมีโอกาสที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2024
หาก Fed ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเดือนก.ย. นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและรอวันที่จะกลับเป็นขาลง และแม้ในช่วงระหว่างนี้ตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ออกมาอาจจะทำให้มุมมองของตลาดต่อการตัดสินใจของ Fed ในการประชุมเดือนก.ย.ปรับเปลี่ยนไปบ้าง
แต่หากมองไปถึงภาพของปีหน้าจะพบว่าภาพของดอกเบี้ยขาลงยังคงชัดเจน นั่นเป็นสาเหตุที่เรามองว่าช่วงเวลานี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่ตราสารหนี้สหรัฐ แต่ยังรวมถึงตราสารหนี้ในภูมิภาคอื่นที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มกลับตัวเป็นขาลงในช่วง 1 ปีข้างหน้าด้วย ยกตัวอย่างเช่น ฝั่งยุโรป
การตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้รับความสนใจและมีผลต่อภาพรวมการลงทุนไม่น้อยไปกว่าการตัดสินใจของ Fed ซึ่งอัตราเงินเฟ้อของยุโรปเริ่มชะลอตัวลงเช่นกันในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราเงินเฟ้อยุโรปเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 5.5% ชะลอลงจาก 6.1%.ในเดือนก่อนหน้า แม้จะอยู่ในระดับสูงกว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ 3%
แต่หากมองต่อไปในช่วง 1 ปีข้างหน้า ทิศทางเงินเฟ้อของยุโรปมีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นดียวกัน โดย ECB คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของยุโรปในปี 2024 จะอยู่ที่ระดับ 3% ชะลอลงจากระดับ 5.4% ในปีนี้ สะท้อนไปยังแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของยุโรปที่คาดว่าจะอยู่ในทิศทางขาลงเช่นเดียวกับสหรัฐฯ
การกลับทิศดอกเบี้ยเป็นขาลงในช่วง 1 ปีข้างหน้า ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วย ซึ่งผลตอบแทนกับราคาของพันธบัตรจะเคลื่อนไหวสวนทางกันในตลาดรอง การลงทุนใน Bond ในช่วงเวลานี้จึงเสมือนเป็นการ lock ผลตอบแทนของ Bond และยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากราคาของ Bond ที่จะปรับตัวขึ้นด้วย
การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้จึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยแนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้โลกที่อยู่ในระดับ Investment Grade (IG) เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในขณะที่ความเสี่ยงจากการลงทุนอยู่ในระดับต่ำจาก credit rating ของตราสาร และจากการกระจายความเสี่ยงไปยัง Bond ทั่วโลก
หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPTTM Wealth Manager ธนาคารทิสโก้