‘เสี่ยปู่’ เปิดใจถือหุ้น PROUD 5.16% ‘เชื่อมั่น’ 3-4ปี ธุรกิจเติบโต
“เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” เปิดใจเก็บ “หุ้น PROUD” เข้าพอร์ตเพิ่มเป็น 5.1675% มองข้ามปัจจุบันสู่อนาคตอีก 3-4 ปีข้างหน้า ธุรกิจจะเติบโต “ก้าวกระโดด” รับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์กำลังกลับมาทยอยฟื้นตัว !
เป็นที่รู้กันของแวดวงตลาดหุ้นไทย สำหรับสไตล์การลงทุนของนักลงทุน “รายใหญ่” อย่าง “เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” ที่เวลาจะซื้อขายหุ้นตัวไหนจะค่อยๆ ทำรวมทั้งยังยึดหลักการลงทุนอย่าง “ระมัดระวัง” และ จะเลือกลงทุนในธุรกิจที่ “เชื่อมั่น และ มั่นใจ” ว่า อนาคตจะมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น
แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่เห็นการเติบโตอะไรที่น่าดึงดูดมากนัก แต่ “เสี่ยปู่” มักจะมองข้ามไปข้างหน้าเสมอว่าในอนาคตธุรกิจจะมีการเติบโตมากกว่าในปัจจุบัน
“เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” นักลงทุนรายใหญ่ บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากการเข้าซื้อหุ้น บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD โดยการถือเพิ่มในสัดส่วน 5.1675% เนื่องจากมีการเข้าพูดคุยกับทางผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PROUD แล้ว
โดยมีความมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจในอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมองว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์กำลังทยอยฟื้นตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ขณะที่การท่องเที่ยงไทยก็กลับมาแล้ว จากจำนวนนักท่องเที่ยงเข้ามาจำนวนมาก
สะท้อนผ่าน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการได้มาหุ้นของ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD โดย “นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 1.0641% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 3.5872% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ขณะที่จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาของกลุ่มคิดเป็น 2.6444% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 5.1675% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
และ “นางวารุณี ชลคดีดำรงกุล” ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 1.4886% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 1.4886% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ขณะที่จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาของกลุ่มคิดเป็น 2.6444% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 5.1675% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ