‘เสี่ยป๋อง-วัชระ’ ลดพอร์ตหุ้นเหลือ 30% รับดัชนีฯ ยังหาจุด ‘Bottom’ ไม่เจอ !
“เสี่ยป๋อง-วัชระ” ลดพอร์ตหุ้นเหลือแค่ 30% พร้อมถือเงินสดรอจังหวะซื้อ รับสัญญาณเทคนิคยังไม่เห็นกราฟกลับตัวรีบาวด์ และตอบไม่ได้ผ่านจุด Bottom ไปหรือยัง ! ฟาก “ทองคำ” หากทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ชี้ราคามีโอกาสวิ่งต่อยาว...
พลันที !! สถานการณ์ความตึงเครียดใน “อิสราเอล และ กลุ่มฮามาส” ปะทุรุนแรง... จนกลายเป็นการประกาศเข้าสู่ภาวะสงครามของอิสราเอล เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรยากาศทั่วโลกตกอยู่บนความกังวลเหตุการณ์จะบานปลายและยืดเยื้อหรือไม่...
ปฏิกิริยาแรกที่ตอบรับกับเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีคือ “ตลาดเงิน-ตลาดทุน” สะท้อนผ่านตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2566 โดยดัชนี SET INDEX ปรับตัวลงต่ำสุดของวันอยู่ที่ 15.28 จุด มาอยู่ที่ 1,423.17 จุด ก่อนจะมีการรีบาวนด์ปิดตลาดที่ 1,431.72 จุด หรือลดลง 6.73 จุด
และในวันนี้ (16 ต.ค.66) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงอีกครั้ง ! หลังความกังวลจากเหตุการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส อาจจะขยายวงกว้างมากขึ้น สะท้อนผ่านดัชนีหุ้นไทย “ร่วงแรง” ทำจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 34.54 จุด หรือมาอยู่ที่ 1,416.21 จุด ก่อนจะเคลื่อนไหวมาปิดตลาดที่ 1,427.11 จุด ลดลง 23.64 จุด หรือ -1.63%
“เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่ด้านเทคนิค และเจ้าของพอร์ตลงทุน “หลักพันล้าน” บอกว่า ผมค่อนข้างตกใจมากตลาดหุ้นไทยวันนี้ (16 ต.ค.2566) “ร่วงแรงมาก” ซึ่งตนเองมีการปรับลดพอร์ตลงทุนเหลือสัดส่วนในหุ้นแค่ 30% และที่เหลือถือเป็นเงินสดเพื่อรอจังหวะ “ซื้อ” 70% ซึ่งหุ้นในพอร์ตปัจจุบันก็ยัง “ขาดทุน”
ทั้งนี้ หากดูจากกราฟทางเทคนิคจะพบว่า กราฟมีสัญญาณการปรับฐานดัชนีรอบใหญ่ และยังไม่เห็น “จุดต่ำสุด” (Bottom) ตราบใดที่ดัชนีหุ้นไทยยังทำ “นิวโลว์” ต่อเนื่อง ซึ่งเดิมเคยบอกไว้ว่าหากดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ 1,520 จุด ตอนนั้นจะตกอยู่ในสภาวะดัชนีฯ จ่ออยู่ที่ “ปากเหว” แล้ว ดังนั้น เมื่อดัชนีหุ้นไทยหลุดแนวรับสำคัญและไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1,520 จุดได้ แนะนำให้ใช้ “ความระมัดระวัง” ในการลงทุน เนื่องจากดัชนีจะมีความผันผวนหนัก
“ปัจจุบันสัญญาณกราฟเทคนิคยังไม่เห็นการกลับตัวของดัชนีหุ้นไทย แต่ในระยะสั้นๆ อาจจะมีการรีบาวนด์ได้เล็กน้อย แต่ก็อยู่ไม่นาน ยอมรับงงมากและไม่คิดว่าหุ้นไทยจะร่วงแรงกว่าตลาดอื่นๆ เช่นนี้ ดังนั้น ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าผ่านจุดต่ำสุดไปหรือยัง และยังมองไม่เห็นจุดสังเกตของการกลับตัวของดัชนีอีกด้วย”
สำหรับสินทรัพย์ปลอดภัย “Safe Haven” อย่าง “ทองคำ” ก็ยังมีทิศทางผันผวน ซึ่งปกติในสถานการณ์สงครามเกิดขึ้น ทองคำจะเป็นสินทรัพย์ที่เป็นขาขึ้นชัดเจน แต่ปัจจุบันด้วยราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง และมีหลายปัจจัยไม่แน่นอน อย่างในไทยปัจจัยเงินบาท “แข็งค่า หรือ อ่อนค่า” ก็ส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำในเมืองไทย ดังนั้น จะเห็นว่าทำไมราคาทองคำจึงมีความผันผวนไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม “เสี่ยป๋อง” มองว่า หากราคาทองคำโลกทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ มีโอกาสเห็นราคาทองคำทะยานต่อไปได้อีก เพราะปัจจุบันราคาทองคำยังอยู่ในกรอบ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่าตั้งแต่เกิดสงครามราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นมาจากระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์มาแล้ว
“ตอนนี้ต้องยอมรับว่าทุกสินทรัพย์การลงทุนมีความผันผวนหมด และการลงทุนยากมากขึ้น ซึ่งปีนี้นักลงทุนบ่นกันหมดว่าลงทุนค่อนข้างยาก และในพอร์ตติดหุ้นกันทุกคนคนละตัวสองตัว เนื่องจากทุกคนไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลงมาแรงขนาดนี้”