ความพยายามของภาครัฐ กับการพลิกฟื้นคืนชีพมังกร
มองว่ามาตรการจากภาครัฐยังไม่เพียงพอที่จะ "พลิกฟื้นคืนชีพมังกรจีน" ที่หลับใหล แม้มูลค่าหุ้นจีนจะถูกแสนถูกก็ตาม
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาพเศรษฐกิจและการลงทุนของจีนอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นจีนไม่ง่ายนัก ทางการจีนพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นผ่านมาตรการต่างๆที่หลากหลาย เป็นที่น่าติดตามว่าด้วยมาตรการเหล่านี้จะสามารถพลิกฟื้นคืนชีพมังกรที่หลับใหลให้กลับมามีบทบาทบนเวทีการลงทุนโลกได้หรือไม่
จีนเผชิญปัญหาหนักหน่วงตั้งแต่ประเด็นสงครามการค้า (Trade War) กับสหรัฐอเมริกาที่ปะทุขึ้นในช่วงปี 2018 ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ทำให้ทั้งจีนและสหรัฐฯรวมถึงประเทศอื่นๆหันกลับมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
สงครามการค้ายังไม่ทันบรรเทาจีนก็ต้องพบกับวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ที่นับเป็นปัญหาใหญ่ของจีนและยังคงเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจจีนมาจนถึงทุกวันนี้
ในขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ทางการจีนตัดสินใจปิดประเทศปิดเมืองต่างๆเป็นระยะเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค และในขณะเดียวกันก็หยุดยั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนด้วย
มรสุมลูกใหญ่หลายลูกได้ถาโถมเข้าสู่จีน ทำให้เศรษฐกิจจีนที่เคยขยายตัวในระดับสูงกว่า 6% กลับเป็นซบเซา และขยายตัวในระดับต่ำกว่าในอดีต โดยล่าสุด GDP จีน ปี 2023 ขยายตัวที่ 5.2% ใกล้เคียงกับที่ทางการจีนตั้งเป้าไว้ที่ 5% และมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ทางการจีนจะตั้งเป้าการขยายตัวทาง GDP ไว้ที่ราว 5% เช่นเดิม แม้อัตราการขยายตัวที่ 5% จะเป็นตัวเลขที่ไม่แย่นักหากเทียบกับประเทศอื่น
แต่หากเทียบกับอัตราการขยายตัวของจีนในอดีตถือว่าเป็นอัตราการขยายตัวที่ค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงคุกรุ่นในจีนยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่และเป็นประเทศสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติให้น้ำหนักและลดทอนความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนลง ด้วยเหตุนี้เองทำให้ทางการจีนต้องออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา พลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
จีนพยายามออกมาตรการกระตุ้นไปที่ภาคอสังหาริมทรัพย์โดยตรงตั้งแต่การลดการวางเงินดาวน์ไปจนถึงการช่วยเหลือทางด้านเงินทุนแก่บริษัทอสังหาริทรัพย์ที่มีปัญหา ควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ เช่น การลดอัตราส่วนเงินสำรอง (RRR) จากธนาคารกลางจีน การเข้าช้อนซื้อหุ้นจากกองทุนความมั่งคั่งจีน (Central Huijin Investment)
และล่าสุดกับการเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) จากนายอี้ หุยหมาน เป็นนายอู๋ ชิง ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นผู้ปราบโบรกเกอร์ ทำให้ตลาดมองว่าจีนกำลังพยายามอย่างหนักในการหยุดยั้งการเทขายหุ้นจีน และเป็นผลให้ตลาดตอบรับในทิศทางบวกหลังการประกาศข่าว
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรการเหล่านี้สร้างแรงหนุนต่อตลาดหุ้นจีนในช่วงสั้นๆเท่านั้น ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับภาพเศรษฐกิจโดยรวมและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ทางการจีนต้องแก้ไข ความน่าสนใจเดียวของจีนในเวลานี้คือมูลค่าหุ้นจีน ที่ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ถูกมาก
โดยดัชนี CSI300 ซื้อขายบนระดับ Fwd PE เพียง 9.9 เท่า เทียบกับ MSCI World ที่ซื้อขายบน Fwd PE 16.92 เท่า หรือ SET Index ที่ FWD PE อยู่ที่ 13.76 เท่า
ในมุมมองของเรา ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน “เป็นกลาง” (Neutral) ต่อตลาดหุ้นจีน โดยมองว่ามาตรการจากภาครัฐยังไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นคืนชีพมังกรจีนที่หลับใหล แม้มูลค่าหุ้นจีนจะถูกแสนถูกก็ตาม
หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ [email protected] I บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT™ Wealth Manager