ผู้นำ ทำน้อยได้เยอะ แต่ เจ้าของธุรกิจ ทำเยอะได้น้อย !?
บทบาทของเจ้าของธุรกิจ เป็นบทบาทที่จำเป็นและเหมาะสมในช่วงเวลา “เริ่มต้นธุรกิจ” เพราะต้องทุ่มเท แรงกายแรงใจ อย่างมากในการ ริเริ่มและสร้างธุรกิจ
Part.1.ผู้นำ ทำน้อย แต่ นมตเจ้าของกิจการ ทำงานหนัก จริงมั๊ย !?
เป็นเรื่องธรรมดา ที่เรามักจะมองเห็นเจ้าของธุรกิจ (โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก และ ขนาดกลาง)ทำงานอย่างหนัก หามรุ่งหามค่ำ จนรู้สึกว่าวันนึงเวลา 24 ชั่วโมงไม่พอ และหมดวันเร็วมาก พร้อมๆกับอาการ “เหนื่อยมากแทบรากเลือด” ในแต่ละวัน!
เจ้าของกิจการ ที่ทำงานหนัก มักจะต้อง ”รับมือ” กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ รวมไปถึงเรื่อง ซ้ำซากในแต่ละวัน!
ในขณะที่ผู้นำของกิจการขนาดใหญ่ กิจการขนาดกลาง ส่วนมาก ทำงานน้อย เพราะมีทั้ง ผู้บริหารมือรอง และ ระบบที่แข็งแกร่ง รองรับในการบริหารจัดการธุรกิจ
Part.2.ความขยัน ทุ่มเท ของเจ้าของธุรกิจและผู้นำ
เป็นองค์ประกอบพื้นฐาน และ เป็นองค์ประกอบหลักของเจ้าของกิจการ ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้
แต่ถ้า เจ้าของกิจการ ขยัน ทุ่มเท ทำงานหนัก ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มก่อตั้งกิจการ จนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงทำงานหนักอย่างเหน็ดเหนื่อย จนทุกวันนี้ก็ยังคงแทบไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว
อันนี้เป็นเรื่องที่น่าคิดนะครับ เพราะแสดงว่า ธุรกิจของท่าน แทบจะพึ่งพา ท่านเพียงคนเดียว!
นั่นหมายความว่า… ถ้าท่านทำน้อยลง ธุรกิจจะระส่ำระสาย หรือถ้าท่านไม่อยู่ ธุรกิจของท่านก็จะหายไปจากโลกนี้เช่นกัน!
Part.3. มันคุ้มหรือไม่ ที่จะทำงานหนักคนเดียวจนถึงวันตาย!
มีเจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อย ที่ทุ่มเท ทำงานหนักอยู่คนเดียว(ทั้งที่มีลูกน้องหลายหน่วยงานจำนวนไม่น้อย) ทำงานหนักตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ จนกระทั่งถึงวันที่ร่างกาย เจ็บป่วย ไปจนถึงป่วยหนัก ก็ยังไม่กล้าพัก ไม่กล้าหยุด จนกระทั่งร่างกายรับไม่ไหว คำถามคือ เจ้าของกิจการบางส่วน ทุ่มเททำแทบจะคนเดียว หาเงินเพื่อไปให้โรงพยาบาลรักษาตัวเอง ทำเพื่ออะไรครับ? มันคุ้มหรือเปล่าครับ?
ถ้าคิดได้ ว่าไม่คุ้ม เจ้าของกิจการ ต้องเป็นผู้นำ ไม่ใช่ทำตัวเป็นเถ้าแก่ คิด ทำทุกอย่าง
เพราะไม่มีทางที่ธุรกิจของท่านจะขยายให้ใหญ่ไปกว่าปัจจุบันไปได้ด้วยตัวของท่านคนเดียว!
Part.4.เปลี่ยนเจ้าของธุรกิจ เป็น ผู้นำ
ถึงเวลาที่ เจ้าของกิจการ ต้อง ถอดหัวโขนตนเองจากเจ้าของกิจการ เพื่อมาสวมบทบาท ผู้นำ
ผู้นำ สร้างระบบ สร้างคน สร้างทีม เพื่อรองรับโครงสร้างธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต
ส่วนเจ้าของกิจการ มุ่งหาแต่ยอดขาย โดยคิดและทำทุกอย่าง แทบจะตัวคนเดียว
เจ้าของกิจการที่ต้องการปรับเปลี่ยนตนเองเป็นผู้นำ จำเป็นต้องหยุดคิด และ Balance คือการสร้างความสมดุลให้ได้ ระหว่างการสร้างยอดขาย กับ สร้างระบบ สร้างคน สร้างทีม
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงของธุรกิจ จะไม่สร้างยอดขาย ไม่สร้างรายได้เลย โดยมุ่งแต่สร้างระบบ สร้างทีมอย่างเดียว ก็อาจจะไม่รอด เพราะเงินทุนหมุนเวียนคงหมดเกลี้ยงก่อน
แต่ก็สามารถทำได้อย่างควบคู่กัน อย่าไปกังวลว่ากลัวไม่มีเวลา เพราะเวลาทุกคนบนโลกมีเท่ากัน มันขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเวลาที่มี รู้ว่าอะไรที่ควรทำเอง อะไรที่ควรเลิกทำเองได้แล้ว!
เวลาของท่านจะมีอย่างเพียงพอ ถ้าท่าน เปลี่ยนเวลาที่เคยคิด เคยทำแทบทุกอย่าง นำเวลาบางส่วน(ถ้ายิ่งมากได้ยิ่งดี) มาสร้างระบบ สร้างทีม และสร้างคน เพื่อให้สิ่งที่สร้างนี้ มาสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของท่าน โดยที่ท่านไม่ควรที่จะต้องคิดเอง ทำเองแทบทุกอย่างอีกต่อไปในอนาคตอันใกล้
Part.5.ผู้นำ ใช้เทคโนโลยี และ AI.ในงบที่มี
ในวันนี้ เทคโนโลยีและ AI.กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ธุรกิจติดปีก ไม่ได้หมายความว่า ต้องใช้งบมหาศาลหรือเกินตัว ใช้เท่าที่กำลังเงินที่มี
เพราะในโลกธุรกิจวันนี้ ไม่มีที่ให้ Low Tech Leader ยืนอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเจ้าของกิจการ ปรับเปลี่ยนตนเองเป็นผู้นำ โดยการสร้างระบบ สร้างทีม สร้างคน และใช้เทคโนโลยี กับ AIมาช่วยในการทำธุรกิจ
นอกเหนือจากประสิทธิภาพของธุรกิจจะเพิ่มขึ้นแล้ว สิ่งที่ผู้นำจะได้เพิ่มขึ้นคือ เวลา สำหรับการดูแลสุขภาพตนเอง สำหรับครอบครัว และเวลาที่ท่านจะไปทำอะไรได้อีกมากมายโดยไม่ต้องเหนื่อยกาย เหนื่อยใจแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
Part.6.บทสรุป
บทบาทของเจ้าของธุรกิจ เป็นบทบาทที่จำเป็นและเหมาะสมในช่วงเวลา “เริ่มต้นธุรกิจ”
เพราะต้องทุ่มเท แรงกายแรงใจ อย่างมากในการ ริเริ่มและสร้างธุรกิจ
แต่บทบาทเจ้าของธุรกิจ เป็นบทบาทที่ผิดอย่างยิ่ง เมื่อเริ่มธุรกิจมาได้ระดับหนึ่งแล้ว เพราะต่อให้ท่านจะมีพลังกาย พลังใจมากมายขนาดไหน ก็ไม่สามารถขยายหรือสร้างความมั่นคง และ มั่งคั่งให้กับธุรกิจของท่านด้วยตัวคนเดียวได้
สุดท้าย ยังจะฝืนเหนื่อยคิดและทำแทบทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวไปได้อีกนานเท่าไหร่ครับ!?