ธุรกิจจีนบุกไทย ยิ่งโตไว ธุรกิจในไทย “ยิ่งตายเร็ว” !?

ธุรกิจจีนบุกไทย ยิ่งโตไว ธุรกิจในไทย “ยิ่งตายเร็ว” !?

"คนจีน" ยุคเสื่อผืนหมอนใบที่เข้ามาทำมาหากินในไทยในอดีต…. ไม่โหด ไม่ดุดัน เท่าทุนจีนทั้งเทาและไม่เทาที่บุกเข้ามาหากินกับเราในวันนี้

Part.1. โลกธุรกิจในอดีตกับโลกในวันนี้ เป็นโลกคนละใบ!

ในอดีต ก่อนที่จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆและอินเตอร์เน็ตที่เป็น สะพานเชื่อมและย่อโลกให้เล็กลง การแข่งขันทางธุรกิจของทั่วโลก ในแต่ละประเภท จะดุเดือดแบบค่อยเป็นค่อยไป บางช่วงอาจจะรุนแรง แต่ก็ไม่มีอะไรให้ตกใจไม่มีอะไรมาพลิกโฉมแบบปฏิวัติโลกและธุรกิจเหมือนในยุคปัจจุบัน ที่ส่วนมาก….ตามกันไม่ค่อยทัน บางส่วนยัง ยืน งง ในดงเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนเกมส์ธุรกิจทั้งโลก!

ในโลกธุรกิจ หลายสิบปีที่ผ่านมา จักรวรรดิอเมริกา เป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกและธุรกิจ

ตามมาด้วย ญี่ปุ่นและเกาหลีที่สร้างสินค้าและเทคโนโลยีมาแข่งขันและขยายสู่ตลาดโลก

แต่เมื่อถึงวันที่ พญามังกร อย่างจีน ตื่นจากการหลับใหล เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว เริ่มรุกไปต่างประเทศทั่วโลก ทั้งสินค้าและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างน่าตกใจ

วันนี้ โลกก็ไม่เหมือนเดิม!

Part.2.เมื่อไทยยังต้องพึ่งพา อเมริกา และ เข้าหาจีน ….!?

เสียงบ่นและเสียงประตูของหลายธุรกิจที่ทยอยปิดกิจการในประเทศไทย เพราะไม่สามารถต้านทานเทคโนโลยี และการค้าขายแบบ Online จาก Platformต่างๆของฝ่ายตะวันตกและจีน โดยเฉพาะทุนจากจีนที่บุกมาทะลุทะลวงแทบทุกธุรกิจทั้งทาง Online และ บุกมาครอบครองเป็นเจ้าของทั้งทางตรงทางอ้อม ตั้งแต่ย่านห้วยขวาง ไปถึงเยาวราชและพื้นที่อื่นๆในหลายธุรกิจ จนเกิดความระส่ำระสายของธุรกิจ smeในย่านที่ถูกบุกในทุกวันนี้

เพราะการแข่งขันในประเทศจีน ดุเดือดกว่าไทยหลายเท่า และจีนถูกอเมริกาและยุโรปหลายๆประเทศ กีดกันทางการค้าทั้งการป้องกันด้วยกำแพงภาษีและกฎระเบียบที่ออกมาสกัดกั้นการบุกของจีนโดยเฉพาะ

แต่ไทย ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะในภาพใหญ่ระดับชาติ ไทยต้องพึ่งพา และ Balance ความสัมพันธ์ การพึ่งพาอาศัย ระหว่างสองขั้วอำนาจ ทั้งจากฝั่ง อเมริกา และ จากจีน

รัฐบาล จึงต้องเปิดเงื่อนไขที่เป็นโอกาสให้กับจีน ทำให้แทบทุกธุรกิจในไทย ถูกทุนจีนทยอยมาบุกและยึด ทั้งธุรกิจค้าปลีก ท่องเที่ยว เกษตร อุตสาหกรรม ยานยนต์ เทคโนโลยี อสังหา วัสดุก่อสร้าง การศึกษา

และจะทยอยยึดครองเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง

สัญญาณที่น่ากลัวคือ ในปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยขาดดุลการค้ากับจีน สูงถึง 1.3 ล้าน ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ไม่ต้องแปลกใจ ที่ธุรกิจ sme ของไทยที่มีเกือบ 3 ล้านราย มีการจ้างงาน 11 ล้านคน จะทยอยล้มหายตายจากไปทุกๆวัน

(ผมเคยเขียนเตือน เกี่ยวกับเรื่องนี้บางส่วน ในอีกมิติไปแล้ว ในตอน : ถ้าพนักงานไทยต้องแข่งกับพนักงานจีน !? ที่ลงไปแล้วในเดือน มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา)

Part.3. ทั้งหมดทั้งมวล คือสิ่งที่ต้องยอมรับและปรับตัว!

อำนาจการต่อรองของรัฐบาลไทย มีน้อยมาก และยากที่จะต่อรอง ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจโดยเฉพาะกับ sme ให้อยู่รอด เพราะอย่างที่บอก ไทยต้องพึ่งพาทั้งอเมริกา และ เข้าหาจีน

ในสภาวะที่ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังมุ่งทำลายล้างกัน

ไม่ต้องพูดถึง รัฐบาลเองก็กำลังวุ่นวายกับการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเป็นหลักมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนและธุรกิจรายย่อย (ส่วนธุรกิจรายใหญ่ไม่น่าเป็นห่วงเพราะมีอำนาจต่อรอง จากการที่สนับสนุนแต่ละพรรคการเมือง รวมทั้งมีทั้งทุนและเทคโนโลยีที่ยังสามารถอยู่รอดได้สบายๆ ส่วนที่ตายคือธุรกิจขนาดกลางและรายย่อย)

Part.4. ทางแก้ ที่อาจช่วยให้รอด!

4.1.ภาครัฐ

ถึงแม้จะไม่มีเวลามาสนใจการล้มหายตายจากของธุรกิจไทย และไม่กล้าที่จะต่อรอง ปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ออกกฎระเบียบเพื่อป้องกันและช่วยเหลือธุรกิจไทย ไม่ให้ธุรกิจจากจีนมายึดครอง

สิ่งที่รัฐบาลทำแก้เขินก็แค่ปรับกฎระเบียบเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ราคา ต่ำกว่า 1,500 บาท มีผลเดือนกรกฎาคมนี้แต่ก็ถึงแค่สิ้นปีนี้เท่านั้น

ต้องพยายามและกล้ามากกว่านี้ ที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ครอบคลุมในทุกมิติ ก่อนที่ไทยจะกลายเป็นอีก 1 มณฑลทางธุรกิจ”อย่างเป็นทางการ”ของประเทศจีนในอนาคตอันใกล้!

รัฐบาลต้องฟังเสียงสะท้อนของภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก แล้วรีบแก้ไข ออกกฎระเบียบ เพื่อแก้ปัญหาและป้องกัน หาวิธีเจรจากับทางจีนให้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน ให้ทางการจีนเข้าใจ

4.2.ในส่วนคนไทย ถ้าสามารถช่วยอุดหนุนสินค้า บริการของไทยให้มากขึ้น ก็จะช่วยบรรเทาได้ แต่ก็เข้าใจในโลกแห่งความเป็นจริง สินค้าจีนราคาถูก ถูกกว่ามาก ยากที่จะอดใจไม่ซื้อ

ที่สำคัญ สินค้าของไทย ต้องพัฒนาคุณภาพ และนวัตกรรมให้สมราคากับที่คนไทยจะช่วยอุดหนุนด้วย

เช่นกัน เพราะถ้าคุณภาพใกล้เคียงกับสินค้าจากจีน ไม่มีบริการอะไรเพื่อเพิ่มมูลค่า แต่ราคาสินค้าจากจีนถูกกว่าครึ่ง ใครจะซื้อสินค้าไทยล่ะครับ!?

 4.3.ในส่วนผู้ประกอบการ

เรื่องเร่งด่วนคือ วิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ที่เลวร้าย และเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดกับธุรกิจเรา ใน 6 เดือนและ 1 ปีข้างหน้า เมื่อสถานการณ์นั้นเกิดขึ้น ธุรกิจเรายังอยู่หรือไม่?

หลังจากวิเคราะห์ต่างๆจนพอเห็นภาพแล้ว ในวันนี้ จะกระจายความเสี่ยงอะไรได้บ้าง เช่น แสวงหา สินค้า บริการ หรือ ธุรกิจใหม่ๆ พันธมิตรใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเพิ่มมูลค่า เพราะไม่สามารถแข่งด้วยราคากับสินค้าจากจีนได้

Part.ส่งท้าย…!

ถึงแม้ผมจะเป็นลูกหลานคนจีน (ดูจากแซ่ตั้ง ก็น่าจะรู้นะครับ) แต่คนจีนยุคเสื่อผืนหมอนใบที่เข้ามาทำมาหากินในไทยในอดีต…. ไม่โหด ไม่ดุดัน เท่าทุนจีนทั้งเทาและไม่เทาที่บุกเข้ามาหากินกับเราในวันนี้

ขอเอาใจช่วย sme ให้รอดได้ทุกท่านนะครับ