เพราะอะไร พรรคมาร ในที่ทำงาน ยังคงมีอยู่แทบทุกที่!?
พรรคมาร จะเติบโตต่อไป หรือ ถูกตัดตอน ก็ขึ้นอยู่กับ เจ้าของกิจการ และ ผู้บริหารระดับสูง จะกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าทำหรือไม่ แค่นั้นเอง
Part.1.พรรคมาร ในที่ทำงาน คืออะไร….. !?
ตามความคิดและมุมมองของผม พรรคมารใน ที่ทำงาน คือ…..
บุคคล ไปจนถึง กลุ่มบุคคล ที่มี อิทธิพลทางความคิด กับ ผู้คนอื่นๆแทบทุกระดับ ไม่ว่าจะในสำนักงาน ไปจนถึง โรงงาน หรือ สาขา!
มีความสามารถ ความเชี่ยวชาญในเรื่องงาน พอประมาณ แต่ส่วนมากเป็นความสามารถ ที่นำมาใช้ในโลกยุคปัจจุบันได้ไม่มากแล้ว เพราะโลกและดิจิตอล เปลี่ยนเร็วเกินไป โดยที่บรรดาพรรคมาร ไม่ค่อยชอบเรียนรู้และพัฒนาให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง
แต่ความสามารถและความเชี่ยวชาญที่โดดเด่น ของพรรคมาร ในที่ทำงาน (ไม่ว่า พรรคมาร นั้น จะเป็นบุคคลแค่เพียงคนเดียว หรือ มีจำนวนหลายคนจนก่อให้เกิด สำนักพรรคมาเล็กๆ ในที่ทำงาน)
คือ ขัดขวางความเจริญ ขัดขวางความเปลี่ยนแปลง ขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึง ขัดขวางทุกคน ที่มีความคิดไม่เหมือนกับความคิดของคนพรรคมาร!
นอกเหนือจาก ความสามารถหลักข้างต้นแล้ว ยังมีความสามารถเสริม ที่สร้างความทุกข์ระทม สร้างความร้าวรานใจให้กับแต่ละบุคคล แต่ละหน่วยงาน ด้วยการ ยุแยง เป่าหู ปล่อยข่าว ทำให้แตกแยก
ยังมีความสามารถอีกมากที่ไม่สามารถ สาธยายให้ครบ เพราะถ้าจะอ่านจบต้องใช้เวลาเป็นวัน!
Part.2. กำเนิดพรคมาร ในที่ทำงาน !?
พรรคมาร ส่วนมากจะก่อกำเนิดจาก บุคคล ที่อยู่กับองค์กรมานาน บางคนอยู่มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งองค์กร
แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่อยู่มานานจะเป็นพรรคมารกันทุกคน คนที่อยู่มานาน ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงได้ช้า เรียนรู้ได้ช้า เพราะความเคยชิน แต่ส่วนมากก็เป็นคนที่ดีพอใช้ได้
ยกเว้น คนที่อยู่มานาน บางคน มียีนส์กลายพันธ์ สามารถพัฒนาได้ด้วยตนเองจนกลายร่างเป็น พรรคมาร ไปจนถึงก่อตั้งกลุ่มสำนักพรรคมารย่อย ในที่ทำงานขึ้นมาได้!
พรรคมารบางที่ ยังสามารถดึง พนักงานรุ่นใหม่ๆ ที่มีปัญหาทางด้านทัศนคติ ที่ดูแล้วมีบุคลิก พฤติกรรม การแสดงออก เหมือนมีเชื้อมารในร่างกาย มาเข้าเป็นพวก เพื่อให้เป็นลิ่วล้อในการ กระจายแพร่ไวรัสทางความคิดลบให้กับคนในหน่วยงาน
การก่อกำเนิดของพรรคมาร ไม่เลวร้ายเท่ากับ การปล่อยให้พรรคมาร เจริญเติบโต และแข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน!
คำถามที่น่าสนใจก็คือ……
Part.3. พรรคมาร เติบโตและแข็งแกร่งมาได้อย่างไร !?
เชื่อหรือไม่ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคมารเติบโตและแข็งแกร่งมาถึงทุกวันนี้ เกิดจาก ผู้นำและผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ปล่อยปละละเลย หริอให้ท้ายโดยไม่รู้ตัว!
ส่วนหนึ่ง ผู้นำหรือเจ้าของธุรกิจ ยังเห็นแก่หน้า คนเก่าคนแก่ที่เป็นพรรคมาร ว่าช่วยริเริ่มสร้างธุรกิจมาด้วยกัน เลยไม่อยาก และ ไม่กล้า ที่จะหักหาญน้ำใจอะไร
หรือบางที ธุรกิจส่งต่อมาถึงรุ่นลูก แต่รุ่นลูกก็ยังคงเกรงใจ หรือขาดบารมี จนทำให้ไม่กล้าที่จะต่อกร กับบรรดาพรรคมาร
ทำให้ เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ที่พรรคมาร ก่อให้เกิดในที่ทำงาน จึงมักถูกมองข้าม หรือ อย่างมากก็เรียกมาตำหนิแบบ พอเป็นพิธี ในลักษณะ ลูปหน้าปะจมูก ไม่กล้าลงโทษอะไร
เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่ พนักงานแต่ละระดับ ที่ถูกบรรดา พรรคมาร สร้างความเดือดร้อนทั้งทางตรงทางอ้อม ก็มักจะไม่อยากร้องเรียนอะไร เพราะร้องเรียนไปก็เท่านั้น!
Part.4. ระวังผลเสียจาก พรรคมาร !
คงไม่ต้องอธิบายรายละเอียด ว่าการคงอยู่ของพรรคมาร ในที่ทำงานส่งผลเสียอะไรบ้างในที่ทำงาน แต่เรื่องที่น่ากังวลกว่า ก็คือ ผลเสียที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบไปถึง ลูกค้า คู่ค้า หรือ ผู้ถือหุ้น(ในกรณีที่บริษัทอยู่ในตลาดลักทรัพย์)
คำถามที่น่าคิดก็คือ ทำไมบรรดาเจ้าของธุรกิจ และ ผู้บริหารระดับสูง ไม่เคยคิด หรือ ไม่กล้าคิด หรือ ไม่อยากคิด ถึงผลเสียเหล่านี้!?
Part.5. วิธี กำราบ พรรคมาร !
ถ้า เจ้าของธุรกิจ และ ผู้บริหารระดับสูง ไม่กล้าที่จะคิดและลงมือทำ ก็จำเป็นต้องหาคนนอกมาจัดการ แต่ดีที่สุดคือ เจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูง ควรลงมือเอง เพื่อกอบกู้ศรัทธา ความเชื่อมั่นจากพนักงานดีๆหรือพนักงานพอใช้ได้ที่มีในองค์กร
ขั้นตอนแรก ลดอำนาจ ลดบทบาท ของบรรดาพรรคมาร ทันที โดยตำแหน่งไม่ได้ลด ผลตอบแทนไม่ได้ลด แต่ลดบทบาทในการแสดงความคิด ความเห็น และการสั่งการ การบริหารจัดการ
ขั้นตอนที่สอง สแกน เลือกทีมงานที่ยังพอใช้ได้ ให้ออกมาจากทีมงาน หรือ หน่วยงานของพรรคมาร
ให้เหลือแต่กลุ่มพรรคมาร ที่ยังคงสถานะความเลวร้ายโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง
ขั้นตอนที่สาม ได้เวลาปรับเปลี่ยนตำแหน่ง อาจให้ตำแหน่งที่ดูเหมือนดี แต่ไม่มีบทบาท ไม่มีหน้าที่อะไรให้ทำ ส่วนผลตอบแทน ถ้าใจแข็งพอ จะลดลงก็ได้
ในระหว่างขั้นตอนที่ หนึ่งถึงสาม พรรคมารจะรู้ตัวแล้ว อาจแสดงฤทธิ์เดชต่อต้านต่างๆ ก็เข้าทางเลย
ให้ระบุรวบรวม สิ่งที่บรรดาพรรคมารทำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และแจ้งให้พรรคมาร (จะกี่คนก็แล้วแต่) ทราบว่า ถึงเวลาที่ต้องแยกย้าย จ่ายค่าชดเชยเท่าที่จำเป็น
Part.6. สุดท้ายแล้ว…
พรรคมาร จะเติบโตต่อไป หรือ ถูกตัดตอน ก็ขึ้นอยู่กับ เจ้าของกิจการ และ ผู้บริหารระดับสูง จะกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าทำหรือไม่ แค่นั้นเองครับ!