วิตามิน วอเตอร์ กระแสตก! 'เพอร์ร่าฯ' ลาสังเวียนพันล้าน
แผ่วซะแล้ว! ตลาดน้ำผสมวิตามิน หรือวิตามิน วอเตอร์ หลังจากช่วงโควิดการเติบโตร้อนแรงมาก เพราะเทรนด์สุขภาพ ทว่า เวลาผ่านกระแสใหม่แทนที่ ทั้งเครื่องดื่มผสมกัญชงกัญชา น้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ๆท้าชิง จึงเห็น "เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์" ลาสังเวียน จับตาเหลือกี่แบรนด์ชิงลูกค้า
กลายเป็นตลาดที่ “แผ่ว” อย่างเห็นได้ชัดสำหรับ “วิตามิน วอเตอร์” หรือน้ำผสมวิตามิน หากย้อนไปช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก่อนและท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ถือเป็นหมวดหมู่เครื่องดื่มที่ร้อนแรง มีการเติบโต “ก้าวกระโดด” หลัก 100%
ผู้ประกอบการหลายราย พัฒนาสินค้าออกสู่ตลาด เสิร์ฟผู้บริโภคที่ชนิดแบรนด์หลักแบรนด์รอง ผู้ท้าชิง “แน่น” ตู้แช่ ยิ่งกว่านั้น ต่างคาดการณ์ตลาดจะเติบโตต่อเนื่อง ทว่า เวลาผ่านไป สถานการณ์ตลาดดูคล้ายจะ “หักปากกาเซียน”
ตัวแปรที่ทำให้ตลาดวิตามิน วอเตอร์ไม่เป็นดังหวัง ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเกิดเครื่องดื่มกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาชิงนักดื่ม หรือ Share of Throat เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มผสมกัญชงกัญชา เครื่องดื่มน้ำอัดลม ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ เปิดรสชาติ เครื่องดื่มแนวใหม่ทำตลาด เป็นต้น
ปี 2564 ตลาดวิตามิน วอเตอร์ มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท ผู้ประกอบการคาดปี 2565 จะโต ดันมูลค่าแตะ 3,000 ล้านบาท ยิ่งผู้เล่นรายสำคัญ ประเมินตลาดจะทะยานสู่ 5,000 ล้านบาทด้วยซ้ำ
ทว่า ทุกอย่างไม่เป็นอย่างการจับยามสามตา สุดท้ายทำให้มีผู้เล่น “ถอยทัพ” อำลาสังเวียนแล้ว อย่าง “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” จากค่ายสิงห์ หลังทำตลาดครั้งแรกช่วงปลายปี 2563 ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย พร้อมชูจุดแข็งแบรนด์เพอร์ร่า มาแตกไลน์สินค้า จุดขายวิตามิน จากเยอรมัน ที่สายสุขภาพรู้ดีว่าหนึ่งในสินค้าที่มักซื้อกลับมาด้วย หากไปเที่ยวเมืองเบียร์ เป็นต้น
การโบกมือบ๊ายบายตลาดน้ำผสมวิตามินของ “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” เริ่มซาตั้งแต่ปลายปี 2565 โดยเพจของแบรนด์ไม่มีการอัพเดทข้อมูลข่าวสารใดๆ ขณะที่การสอบถามจากร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ พนักงานแจ้งว่าไม่มีสินค้ามาสักระยะแล้ว ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ “Singha Online” ก็ไม่มีสินค้าดังกล่าวจำหน่ายเช่นกัน จากก่อนหน้านี้ ยังเห็นการขาย “ยกแพ็คยกลัง” อยู่
อย่างไรก็ตาม การสำรวจเชลฟ์ จะเห็นแบรนด์ที่เคยมีเต็มไปหมด เริ่มเหลือน้อยลง และโดยเครื่องดื่มใหม่ๆมาเบียดแทนที่
สำหรับตลาดเครื่องดื่มมูลค่า “แสนล้านบาท” มีขึ้นลงเป็นปกติ ที่ร้อนแรงแล้วร่วง ไม่ได้มีแค่วิตามิน วอเตอร์ “ชาเขียว” หมื่นล้านเอง เคยเจอสถานการณ์ดังกล่าวมาก่อน แต่ “หวยชาเขียว” เป็นตัวพยุงให้ตลาดเติบโต หากไม่มีชิงโชค โปรแรงแทบกระตุ้นการบริโภคไม่ขึ้น ทั้งที่เป็นสินค้าสุขภาพ จนกระทั่งผู้เล่นตั้งหลัก วางแนวทางการทำตลาดใหม่ ตลาดจึงกลับมาขยายตัวอีกครั้ง
ตลาดน้ำมะพร้าว ในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นอีกหมวดที่คึกคักมาก จากผู้เล่นรายแรกจุดพลุความฮิตติดลมบน จากนั้นทุกแบรนด์แห่แหนเข้ามาร่วมวงชิงมาร์เก็ตแชร์ แต่ที่สุด ตลาดก็เข้าสู่ภาวะนิ่ง เติบโตตามธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งตลาดน้ำผลไม้เผชิญภาวะ “ติดลบ” อยู่หลายปี ฯ เหล่านี้ สะท้อน “กระแส” เติบโตได้ ก็หดตัวได้ตามวัฏจักรเช่นกัน ทำให้นักการตลาดต้องอ่านเกมให้ดี ว่าสินค้าที่เป็นหมากรบจะ “ทำเงิน” ระยะสั้นหรือยาว
เจเล่ ท้าชิงวิตามิน วอเตอร์ด้วย
ตลาดวิตามิน วอเตอร์ ย้อนจุดสตาร์ท ต้องยกให้ “บลู” จากเซ็ปเป้ แต่แบรนด์ที่ทำให้ดังพลุแตกด้วยจุดเด่นของ “กลิ่นหอม” คือ “ยันฮี วิตามิน วอเตอร์” จนก้าวเป็น “ผู้นำ” ทว่า แบรนด์ที่มาหลังดังกว่า คือ “วิตอะเดย์” เพราะไม่เพียงทำตลาดได้ดี ยังเขย่าบัลลังก์เบอร์ 1 และเข้าไปครองตำแหน่งแทนด้วย
ที่ต้องจับตาต่อ คือเครื่องดื่มหมวดนี้ จะมีกี่แบรนด์ “เหลือ” บนตู้แช่ เพื่อชิงแชร์ต่อไป ท่ามกลางตลาดแผ่วๆ
สิ่งที่น่าสนใจของ ค่ายสิงห์ เมื่อเพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์ ลดบทบาทในตลาด สะท้อนให้เห็นการใช้ทรัพยากร สรรพกำลังทีมการตลาด งบประมาณไปทุ่มให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง "สิงห์ เลมอน โซดา" ซึ่งแจ้งเกิดทีหลัง แต่ปังปุริเย่ยิ่งกว่า เพราะทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นหากล้มแล้ว "ลุกเร็ว" จึงเป็นศาสตร์สำคัญของนักการตลาดในยุคปัจจุบัน เพื่อคว้าขุมทรัพย์ที่ใหญ่กว่า และแบรนด์ทำได้ดีกว่าการเป็นเบอร์รองไล่ล่ายอดขายเพียงหยิบมือ แต่แข่งเดือดเลือดพล่าน!