WHA : WE SHAPE THE FUTURE บทพิสูจน์ของ WHA Group สู่เป้าหมายการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน
WHA : WE SHAPE THE FUTURE บทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของ WHA Group ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในสังคม และประเทศ สู่เป้าหมายสูงสุดในการพัฒนาธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่อยู่ในสถานการณ์ผันผวน ทั้ง ภาวะเงินเฟ้อ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทย และแม้ว่าไทยจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีด้านการลงทุนจากต่างประเทศหรือ FDI แต่ก็อยู่ในระดับฟื้นตัว ในขณะที่ฟันเฟืองหลักอย่าง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของไทยก็ยังไม่ได้ฟื้นกลับมาเท่าเดิม ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้เศรษฐกิจไม่อาจฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่
จากความตระหนักถึงบทบาทในการเป็นอีกหนึ่ง "แรงหนุน" สำคัญจากภาคธุรกิจที่มีส่วนช่วยผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่ง ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จึงตั้งเป้าเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ โดยพร้อมจะดึงความเชื่อมั่นจากกลุ่มนักลงทุนเพื่อนำรายได้มาที่ไทย สามารถดูดเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนสูงถึง 1,400,000 ล้านบาท ความตั้งใจดังกล่าว นำมาสู่การประกาศแคมเปญ WHA : WE SHAPE THE FUTURE ซึ่งเกิดจากการต่อยอดการใช้แนวทางการพัฒนาธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนมาเป็นระยะเวลานานนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ โดยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว WHA ถูกตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ Warehouse Asia Alliance เพื่อสะท้อนธุรกิจในการให้บริการ โรงงานและคลังสินค้า แบบ Built-to-Suit สร้างตามความต้องการลูกค้า ได้มาตรฐานระดับโลก ปัจจุบัน WHA ประกอบด้วย 4 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัล โซลูชัน ซึ่งเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็น The World’s Best Investment Destination สำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก
โดยในแคมเปญนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ต้องการสะท้อนความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี การสร้างคน และการเข้าถึงโอกาส ผ่านตัวตนที่แท้จริงขององค์กรสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมีการเปลี่ยนความหมายของตัวอักษร WHA เพื่อสื่อถึงคำว่า Wellbeing, Human Progress และ Accessibility ที่ประกอบเข้าด้วยกัน
Wellbeing การมุ่งสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งสู่เป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050 การพัฒนาธุรกิจต่างๆ ที่เน้นไปในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น พลังงานสะอาด การทำโครงการ Circular Economy เพื่อให้สอดคล้องนโยบาย BCG ของประเทศ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรม มาควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart Eco Industrial Estate) ภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ
Human Progress การพัฒนาบุคลากรในทุกภาคส่วนของสังคมให้มีความก้าวหน้า ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เชื่อว่าหากไม่มีการพัฒนาทรัพยากรบุคคล องค์กร หรือแม้แต่ประเทศก็ไม่สามารถไปต่อได้ ดับบลิวเอชเอให้ความสำคัญการพัฒนาบุคคลากรภายในองค์กร อาทิ การทำ Digital Transformation การขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล และโครงการ WHA Innovation Bootcamp เปิดโอกาสให้พนักงานพัฒนานวัตกรรมและต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในชุมชนโดยรอบนิคมฯ และสังคม อาทิ การจัดตั้ง WHA Training Center เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้กับพนักงานของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรรมของดับบลิวเอชเอ โครงการ WHA E-Job Pool เพื่อให้เกิดการจ้างงานใหม่ภายในนิคมฯ การจัดทำโครงการ WHA Art Camp เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ด้านศิลปะให้กับครู และนักเรียน โรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดระยอง และชลบุรี การสนับสนุนด้านทุนการศึกษาให้นักเรียน นักศึกษา การบรรยายให้ความรู้ในสถาบันการศึกษา และโครงการส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนในรูปแบบต่างๆ ฯลฯ
Accessibility สร้างโอกาสในการเข้าถึงปัจจัยและคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านศักยภาพของ 4 ธุรกิจ คือ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล โซลูชัน
- ธุรกิจโลจิสติกส์ จากแนวความคิดเรื่อง Built-to-Suit และ Smart Factories & Warehouses ที่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้ริเริ่มขึ้นมาทำให้การบริหารจัดการสามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้มากกว่า ส่งผลให้ต้นทุนด้านโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศจาก 18% ของ GDP ลดลงเหลือ 13.4 % ของ GDP นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังได้พัฒนาระบบ Green Logistics เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืน และช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้ในระยะยาว
- ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป พัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในไทย ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 200,000 ตำแหน่งในนิคมอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันดับบลิวเอชเอยังเข้าไปดูแลความเป็นอยู่ของชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนให้ดียิ่งขึ้น มีการพัฒนาโครงการต่างๆ ภายใต้แนวคิด Smart ECO Industrial Estate เพื่อรองรับการเติบโตสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
- ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน น้ำถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่จะขาดไม่ได้ แนวทางในการบริหารจัดการน้ำของดับบลิวเอชเอ ที่มีการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า อีกทั้งยังคิดค้นวิธีการนำน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัดและมาใช้ใหม่ จำหน่ายผ่าน Wastewater Reclamation เป็นการเพิ่มมูลค่าน้ำที่ผ่านการบำบัดทั้งความยั่งยืนและผลตอบแทนเป็นรายได้กลับมา อีกทั้งยังช่วยลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบนิคมฯ ในส่วนธุรกิจพลังงาน ดับบลิวเอชเอ มีการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ด้าน ESG อาทิ ระบบซื้อขายไฟฟ้าเสรีแบบไม่มีตัวกลางเรียกว่า Peer-to-Peer Energy Trading หรือแพลตฟอร์ม RENEX เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานหมุนเวียน ใช้เทคโนโลยี AI และ Blockchain ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยการทำธุรกรรม ระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้า การสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน และการลดต้นทุนทางด้านพลังงานในนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างยั่งยืน
- ธุรกิจดิจิทัล โซลูชัน เป็นกลุ่มธุรกิจที่สนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ ของธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ให้เกิดประสิทธิภาพสูง และดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีบริการดิจิทัลโซลูชันต่างๆ อาทิ WHAbit แอปพลิเคชันด้านเฮลธ์แคร์ เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการด้านการดูแลสุขภาพ และการแพทย์ทางไกล โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช เมื่อปี 2565 นอกจากนั้นยังเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลผ่านโครงการต่างๆ กว่า 32 โครงการ เพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567
WHA จึงไม่ใช่เพียงแค่ Warehouse Asia Alliance อีกต่อไป WHA จึงมาพร้อมกับคำว่า "สร้าง" สร้างการเข้าถึงเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจ การสร้างบุคคลากรให้มีศักยภาพทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างทุกภาคส่วนเมุ่งสู่ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
WE SHAPE THE FUTURE บทพิสูจน์ของการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
จากความแข็งแกร่งของ 4 กลุ่มธุรกิจ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป พิสูจน์ด้วยผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ในแต่ละกลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรกว่า 5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนการเติบโตทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ
นอกจากนี้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ไม่หยุดพัฒนาเพื่อสร้างความเติบโตให้ธุรกิจพัฒนาอย่างยั่งยืน อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของการก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 คือ "Mission To The Sun" ที่เป็นโครงการสร้างและพัฒนาธุรกิจใหม่ด้วยกระบวนการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาไปสู่องค์กรที่เปี่ยมประสิทธิภาพทั้ง 9 โครงการ โดยปัจจุบันมี 3 โครงการ ที่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ได้แก่
- โครงการ Green Logistics เป็นการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาปรับใช้กับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศในระยะยาว
- โครงการ Digital Health Tech การพัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit เป็นเครื่องมือดูแลด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้สมัครใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพแบบองค์รวมได้ง่ายขึ้น
- โครงการ Circular Economy การพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ WHA Circular Innovation เป็นแผนแม่บทในการเปลี่ยนให้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป สู่ธุรกิจ Circular และผลักดันไปสู่ Circular Economy ในทุกๆ ภาคส่วน โครงการ WHA Waste Management เป็น Platform การซื้อขายแลกเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้จากผู้ประกอบการหนึ่งไปยังผู้ประกอบการหนึ่ง เพื่อการจัดการวัสดุเหลือใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น รวมทั้งโครงการ WHA Emission Trading จะเป็นตัวกลางในการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อเป็นโซลลูชันที่ส่งเสริมการลดปริมาณคาร์บอนในอุตสาหกรรม การทำธุรกิจ Circular นั้น ดับบลิวเอชเอมองเห็นถึงโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจในปัจจุบันมีความเป็นธุรกิจสีเขียวมากขึ้น รวมไปถึงโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นได้อีก
ทั้งนี้ ปี 2566 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังคงตั้งเป้าหมายในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจของทุกกลุ่มธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับการมองหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศจากการใช้นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ๆ ดับบลิวเอชเอยังคงตั้งมั่นในการสร้างอนาคตให้กับคนในสังคม พร้อมส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี และการเข้าถึงโอกาสที่มากยิ่งขึ้น เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นที่ชัดเจนภายใต้แคมเปญ WHA : WE SHAPE THE FUTURE