เป้าใหม่ ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ปี 67 ดึง ‘ต่างชาติเที่ยวไทย’ 40 ล้านคนเท่าปี 62
ปีใหม่ 2567 กับเป้าหมายใหม่ของรัฐบาลเพื่อไทย ดึง ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ เดินทางเข้าไทยแตะ 40 ล้านคน ‘ททท.’ มองเป็นตัวเลขที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เตรียมจัดทำแผนเสนอให้รัฐบาลสนับสนุน บูรณาการความร่วมมือจากกระทรวงต่างๆ วอนสมาชิกรัฐสภา อย่าตัดงบประมาณปี 67
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้หารือกันว่า อยากจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2567 ให้ได้ 40 ล้านคน เท่ากับปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ทุบสถิติสูงสุดก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 นั้น โดยในปี 2562 ททท.ได้รับจัดสรรงบประมาณ 6,613 ล้านบาท สามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาได้ 39.91 ล้านคน สร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท
ขณะที่ในปี 2566 ททท.ได้รับจัดสรรงบประมาณ 3,258 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 28 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศอีก 8 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 188 ล้านคน-ครั้ง ทำให้ประเทศไทยมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท
“ส่วนปีงบประมาณ 2567 ททท.ได้รับจัดสรรงบประมาณ 5,200 ล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าจะถูกตัดลงอีกเท่าใด จึงขอความกรุณาจากสมาชิกรัฐสภาด้วย เพราะภายใต้งบประมาณดังกล่าวมีเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 3.5 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 35 ล้านคน สร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยอีก 1 ล้านล้านบาท”
ก่อนหน้านี้ ททท.ตั้งเป้าหมายการตลาด ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยตลอดปี 2567 ไว้ที่ 30-35 ล้านคน ขณะที่ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ขอให้ยืนเป้าหมาย 35 ล้านคนเอาไว้ เพราะรัฐบาลนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ล้านล้านบาทตามที่แถลงนโยบายไว้กับทางรัฐสภาให้เร็วที่สุด เมื่อเทียบจากในอดีตที่ ททท.เคยทำรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติไว้สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2562 ที่ 1.91 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39.91 ล้านคน
“จากกรณีล่าสุดที่รัฐบาลอยากให้เพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติไปถึง 40 ล้านคน ทาง ททท.จะกลับไปจัดทำแผนมาเสนอว่ามีแนวทางไหนที่สามารถทำได้บ้าง เพื่อเสนอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน เพราะ ททท.หน่วยงานเดียวคงทำไม่ได้ จำเป็นต้องบูรณาการความร่วมมือจากกระทรวงต่างๆ ด้วย” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว