เดวิด เบ็คแฮม กับ ‘พรีเดเตอร์’ รองเท้าคู่ใจที่ไปไกลกว่าคำว่าสตั๊ด
อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ เดวิด เบ็คแฮม กับ ‘พรีเดเตอร์’ รองเท้าคู่ใจที่ไปไกลกว่าคำว่าสตั๊ด อุบัติการณ์แห่งโลกลูกหนัง
Key points :
• เมื่อวางจำหน่ายครั้งแรกก็ตลาดแตกทันที Predator กลายเป็นรองเท้าที่มีการพูดกันปากต่อปาก ไม่ว่าจะในกลุ่มผู้ใช้งานนักฟุตบอลสมัครเล่นทั่วไป หรือในกลุ่มของนักฟุตบอลอาชีพเองว่า ‘ใส่แล้วเล่นเก่งขึ้น’ ทำให้ใครก็อยากได้มาสวมใส่ดูจนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
• เบ็คแฮมก็เซ็นสัญญากับ adidas ทำให้ได้ใส่รองเท้าพรีเดเตอร์ทุกรุ่น ซึ่งชุดสี (Colorway) ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกจดจำมากที่สุดคือรองเท้าขาวที่มีลิ้นสีแดง พร้อมกับการปักชื่อลูกชาย Brooklyn ไว้ที่ลิ้นรองเท้า กับคำว่า ‘DB’ ที่เป็นตัวย่อของชื่อตัวเองไว้ที่ส้นเท้า
• ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของรองเท้าตระกูลพรีเดเตอร์ มีหัวใจในเรื่องของการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ (Invention) ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่เสมอ โดยจุดเริ่มต้นเกิดในห้องทดลองของเคร็ก จอห์นสตัน อดีตนักเตะทีมลิเวอร์พูล
ถ้าไมเคิล จอร์แดน เกิดมาเพื่อคู่กับรองเท้ารุ่น ‘Air Jordan’ สำหรับเดวิด เบ็คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษแล้วชีวิตของเขาถูกลิขิตมาเพื่อเป็นคู่กับรองเท้ารุ่นพรีเดเตอร์ (adidas Predator) เช่นเดียวกัน
เพราะตั้งแต่การแจ้งเกิดครั้งแรกของเบ็คแฮม ในเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดที่เขายิงไกลกว่าครึ่งสนามเข้าไปอย่างสุดมหัศจรรย์ จนถึงฟรีคิกช่วงท้ายเกมที่ปั่นเสียบสามเหลี่ยมช่วยให้ทีมชาติอังกฤษ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2002 ได้ รองเท้าคู่ใจของเขาคือเจ้าสตั๊ดสายพันธุ์นักล่าเหมือนเดิม
ถึงเจ้าพ่อลูกนิ่งคนนี้แม้จะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพไปนานแล้วแต่ยังคงเป็น ‘ภาพจำ’ ที่คนรักฟุตบอลจะคิดถึงเสมอหากพูดถึงรองเท้ารุ่นพรีเดเตอร์
และนั่นทำให้ประเทศไทยได้ต้อนรับเบ็คแฮมอีกครั้งในการเดินทางมาเพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 30 ปีของรองเท้าตระกูลอมตะที่กลายเป็นนักล่าที่ฆ่าไม่ตาย
อุบัติการณ์แห่งโลกลูกหนัง
รองเท้าตระกูล Predator มีอายุครบรอบ 30 ปีในปีนี้ หลังจากที่ออกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1994 ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกลูกหนัง เพราะเป็นรองเท้าที่แหกและแหวกทุกกฎเกณฑ์
ในอดีตรองเท้าฟุตบอลจะวัดกันแค่ 3 อย่างเท่านั้น
1. คุณภาพของหนังที่ใช้ทำส่วนบน (อัปเปอร์)
2. ชุดพื้นรองเท้าและปุ่มสตั๊ด
3. สีสันที่จะแต่งแต้มนิดๆหน่อยๆ
แต่พรีเดเตอร์เป็นรองเท้าฟุตบอลรุ่นแรกของโลกที่นำนวัตกรรมสุดล้ำเข้ามาใช้ โดยมี ‘แถบปั่น’ ติดไว้ที่อัปเปอร์ที่จะช่วยให้นอกจากยิงได้หนักแน่นทรงพลังมากขึ้น (Powerful) ยังช่วยเรื่องของการปั่นไซด์โค้งได้ดังใจคิด (Precision)
เมื่อวางจำหน่ายครั้งแรกก็ตลาดแตกทันที Predator กลายเป็นรองเท้าที่มีการพูดกันปากต่อปาก ไม่ว่าจะในกลุ่มผู้ใช้งานนักฟุตบอลสมัครเล่นทั่วไป หรือในกลุ่มของนักฟุตบอลอาชีพเองว่า ‘ใส่แล้วเล่นเก่งขึ้น’ ทำให้ใครก็อยากได้มาสวมใส่ดูจนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลังจากนั้นรองเท้า Predator ได้ถูกพัฒนาต่อเนื่องจนดีขึ้นเรื่อยๆ จากรุ่น Original (1994), มาสู่รุ่น Touch (1996) และโด่งดังที่สุดกับรุ่น Accelerator (1998) ก่อนจะมาลงตัวกลายเป็นไอเทมอมตะกับรุ่น Precision (2000) และ Mania (2002)
โดยที่รองเท้ารุ่นนี้ยังเป็นตัวพลิกวงการทำให้บรรดาคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น Nike หรือ Puma ต้องพยายามคิดค้นนวัตกรรมรองเท้าสตั๊ดใหม่ๆมาสู้ เป็นการจุดประกายให้รองเท้าสตั๊ดนั้นกลายเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีสุดล้ำและนวัตกรรมมากมายจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว
เบ็คแฮมตำนานแห่งพรีเดเตอร์
สำหรับเดวิด เบ็คแฮม กับรองเท้าตระกูลพรีเดเตอร์ถือว่าเป็นรองเท้าคู่ใจมาตั้งแต่ครั้งแจ้งเกิดในปี 1996 เลยทีเดียว
โดยเกมแจ้งเกิดของเขาคือเกมพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 1996-97 ที่พบกับวิมเบิลดัน ในสนามเซลเฮิร์สต์ ปาร์ค ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำห่างอยู่ 2-0
ในสารคดี ‘Beckham’ ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวว่าในช่วงเวลานั้นของเกมเขาเห็นยอร์ดี ครอยฟ์ เพื่อนร่วมทีมผู้เป็นลูกชายของโยฮัน ครอยฟ์ ตำนานนักเตะเทวดาชาวดัตช์ได้ลองลักไก่ยิงไกลแถวกลางสนามเพราะเห็นนีล ซัลลิแวน ผู้รักษาประตูวิมเบิลดันขยับออกมาห่างจากเส้นประตู
เมื่อเกมมาถึงช่วงท้ายและแมนฯ ยูไนเต็ดตัดบอลกลับมาได้แถวกลางสนามโดยรอนนี ยอห์นเซน ก่อนที่บอลจะมาถึงไบรอัน แม็คแคลร์ ที่ส่งสั้นๆต่อมาถึงเบ็คแฮม เจ้าหนุ่มฝรั่งหน้าตี๋ในวันนั้นเหลือบมองเห็นซัลลิแวนออกมายืนห่างเส้นประตูอีกแล้ว
“ลองดูก็ดี” เบ็คแฮมคิดในใจก่อนที่จะตัดสินใจยิงไกลดู บอลออกจากเท้าลอยโด่งก่อนที่จะฮุคตกลงมาเสียบใต้คานพอดีเป๊ะอย่างแม่นยำ
เบ็คแฮมกางแขนออกพร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความมั่นใจในตัวเองสุดๆ เป็นหนึ่งในภาพที่ถูกจดจำตลอดกาล โดยที่แน่นอนว่ารองเท้าสตั๊ดที่เขาใส่ในวันนั้นคือพรีเดเตอร์ Touch และกลายเป็นรองเท้าที่ขายเท่าไหร่ก็ไม่พอ
หลังจากนั้นเบ็คแฮมก็เซ็นสัญญากับ adidas ทำให้ได้ใส่รองเท้าพรีเดเตอร์ทุกรุ่น ซึ่งชุดสี (Colorway) ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกจดจำมากที่สุดคือรองเท้าขาวที่มีลิ้นสีแดง พร้อมกับการปักชื่อลูกชาย Brooklyn ไว้ที่ลิ้นรองเท้า กับคำว่า ‘DB’ ที่เป็นตัวย่อของชื่อตัวเองไว้ที่ส้นเท้า
นักล่าผู้ไม่มีวันตายจากหัวใจ
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของรองเท้าตระกูลพรีเดเตอร์ มีหัวใจในเรื่องของการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ (Invention) ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่เสมอ
โดยจุดเริ่มต้นเกิดในห้องทดลองของเคร็ก จอห์นสตัน อดีตนักเตะทีมลิเวอร์พูลที่ต้องเลิกเล่นฟุตบอลเพื่อกลับมาดูแลพี่สาวในบ้านเกิดที่ออสเตรเลียและใช้เวลาว่างในการสอนฟุตบอลเด็ก ซึ่งพยายามคิดค้นวิธีที่จะช่วยให้เด็กๆปั่นโค้งๆได้ง่ายขึ้นด้วยการตัดเอายางบนไม้ปิงปองมาแปะไว้ที่อัปเปอร์รองเท้าสตั๊ด
ไอเดียดังกล่าวผ่านการต่อสู้อย่างยากลำบากกว่าจะชนะใจผู้บริหารของอาดิดาส (ซึ่งก็ต้องอาศัยบารมีเทปวีดีโอของฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ ตำนานลูกหนังตลอดกาลผู้ล่วงลับที่ทดลองใส่รองเท้านี้) แต่หลังจากนั้นแล้วพรีเดเตอร์ไม่เคยหยุดนิ่งเลย
มีการคิดค้นสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลิ้นรองเท้าที่มีไว้เพื่อเพิ่มการสัมผัสไปจนถึงพื้นรองเท้าที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย น้ำหนักเบาขึ้นเรื่อยๆ หรือการทดลองแนวทางใหม่ๆเปลี่ยนแถบปั่นเป็นซี่ยางเล็กๆในรุ่น LZ (2012) และแถบปั่นที่มีหน้าตาเหมือนจิ๊กซอว์ในรุ่น LZ II (2013) จนถึงการเปลี่ยนเป็นปุ่มหนามในรุ่น Mutator (2020)
ก่อนจะมาถึงปัจจุบันกับรุ่น Predator 24 รองเท้าฉลองครบรอบ 30 ปีของพรีเดเตอร์ซึ่งนำจิตวิญญาณและความทรงจำเก่าๆกลับมาอีกครั้งด้วยแถบปั่นยาง กับลิ้นรองเท้ายาวที่ใครก็อยากใส่รองเท้าเท่ๆ ดึงลิ้นรองเท้ามาจนเกือบสุดแบบเบ็คแฮมทั้งนั้น
อย่างไรก็ดี สตั๊ดตระกูลพรีเดเตอร์ยังพยายามรักษาจุดยืนเดิมที่เป็น DNA ของรองเท้าตระกูลนี้คือการที่จะช่วยให้การเปิดบอลหรือการยิงประตูแม่นยำขึ้น ปั่นโค้งได้ดีขึ้น เป็นนักล่าที่พร้อมจะกระชากวิญญาณของผู้รักษาประตูทุกคนเหมือนเดิม
นี่คือเคล็ดไม่ลับในความสำเร็จที่ยืนยาว ผ่านวันเวลามาแล้วถึง 30 ปี และเชื่อว่าจะเป็นขวัญใจของนักเตะทุกคนไปอีกตลอดกาล
เหมือนเช่นเบ็คแฮมที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ภาพของเขากับรองเท้ารุ่นนี้ก็ยังทุ้มอยู่ในใจเหมือนเดิม
.
Related news
อ้างอิง
- soccer , goal , soccerbible , footy