‘เสถียร’ ดันค้าปลีก-เบียร์เสริมแกร่ง ‘คาราบาวแดง’ กัดฟันตรึงราคา 10 บาท

นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนธุรกิจปี 2567 มีปัจจัยเปราะบางที่ต้องจับตาคือการผิดนัดชำระหุ้นกู้ขององค์กรต่างๆ ซึ่งบริษัทที่มีภาระหนี้จำนวนมาก จะต้องพิจารณาด้านการเงินให้รอบคอบ

ส่วนธุรกิจนอกจากเครื่องดื่มชูกำลัง จะให้ความสำคัญกับกิจการค้าปลีกมากขึ้น และการปรับตัวสอดคล้องกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจให้แข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ด้านธุรกิจเบียร์ตั้งแต่เปิดตัวสินค้าเข้าบุกตลาดปลายปี 2566 ยอมรับว่าเผชิญการแข่งขันหรือโดนรับน้องค่อนข้างหนัก แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะเห็นการเปิดตัวสินค้าใหม่เบียร์ประเภทไอพีเอ(IPA)เสริมพอร์ตโฟลิโอ

“ธุรกิจที่ผมทำอยู่ สำคัญสุดคือค้าปลีก หากเราใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมาต่อยอดจะพัฒนาให้แข่งขันกับผู้เล่นอื่นได้เร็วขึ้น”

ปัจจุบันค้าปลีกของกลุ่มประกอบด้วยซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต ซีเจมอร์ และร้านค้าส่งชุมชนซีเจ เอ็กซ์ เป็นต้น

นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2566 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมีการเติบโตประมาณ 4% และแนวโน้มปี 2567 คาดการณ์จะขยายตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนแนวทางการทำตลาดคาราบาวแดง จะให้น้ำหนักการใช้กลยุทธ์เชิงกีฬาหรือ Sport Marketing เป็นอาวุธเจาะกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

ทั้งนี้ คาราบาวกรุ๊ป โดยบริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือได้บรรลุข้อตกลงกับ English Foodtball League Limited ในการสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลในรายการ คาราบาว คัพ ต่ออีก 3 ปี คือ ฤดูกาลแข่งขัน 2024/2025, 2025/2026 และ 2026/2027 ภายใต้เม็ดเงิน 18 ล้านปอนด์ หรือราว 800 ล้านบาท เมื่อรวมระยะเวลาการสนับสนุนทั้งสิ้น 10 ฤดูกาล นับตั้งแต่ 2017/2018 เพื่อเป็นการผลักดันเป้าหมายแบรนด์ไทยสู่แบรนด์โลกผ่านวิสัยทัศน์สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก หรือ World Class Product, World Class Brand

“ปีนี้คาราบาวแดงจะทำสปอร์ตมาร์เก็ตติงอย่างหนักเป็นตัวนำทัพเจาะกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญจะเห็นคาราบาว คัพ ถูกนำไปต่อยอดกิจกรรมการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์เบียร์ ซึ่งจะเป็นเรือธง โดยมีเครื่องดื่มชูกำลังเป็นกองหนุนด้วย”

นอกจากนี้ คาราบาวกรุ๊ป ยังร่วมทุนกับ Royal Century Company Limited(CEN) ตั้งบริษัท เอซีซีวี จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 253 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น 70% และ CEN ถือหุ้น 30% เพื่อทำการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังที่ประเทศเมียนมาร์ หลังจากที่ผ่านมานโยบายของรัฐบาลเมียนมาห้ามนำเข้าเครื่องดื่มไปจำหน่าย

“การลงทุนในประเทศเมียนมา ถือเป็นโครงการต้นแบบ จึงใช้เงินลงทุนไม่มากนัก”

ด้านภาพรวมการผลิตเครื่องดื่มชูกำลังปี 2567 ทิศทางต้นทุนยังไม่ลดลง แต่แนวทางของบริษัทยังคงตรึงราคาสินค้าไว้ที่ 10 บาท เพื่อไม่ให้กระทบกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย

“ต้นทุนการผลิตสินค้าไม่มีแนวโน้มลดลง แต่เรากัดฟันไหวในการจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง 10 บาท เราเป็นแบรนด์ที่ขายถูกสุดในตลาด ถือเป็นจุดแข็งของเรา”

อย่างไรก็ตามปี 2566 เครื่องดื่มชูกำลังโดยรวมเติบโต ด้านยอดขายคาราบาวแดง ขยายตัวเช่นกัน และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่ม แต่ยอมรับว่ายอดการส่งออกหดตัวลง สอดคล้องกับภาพรวมการส่งออกของประเทศโดยรวม