‘สาธิต’ แม่ทัพ ‘พริ้นซิเพิล แคปิตอล’ รุกธุรกิจสื่อ ถือหุ้นใหญ่ทีวีบูรพา 40%
“สาธิต วิทยากร” ลุยลงทุนเป็นการส่วนตัว เดินหน้าทุ่มเงินเกือบ 100 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด สัดส่วน 40% ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเข้าขับเคลื่อนธุรกิจการผลิตและสร้างสรรค์รายการต่างๆ หรือคอนเทนต์โปรวายเดอร์ ต่อยอดดีเอ็นเอแกร่งกว่า 20 ปี
“สาธิต วิทยากร” นอกจากเป็นประธานกรรมการบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด(มหาชน)หรือ PRINC อีกบทบาทคือการเป็น “นักลงทุนใหญ่” ในแวดวงธุรกิจโรงพยาบาล สุขภาพหรือเฮลท์แคร์ด้วย
ล่าสุด “สาธิต” ได้ลงทุนเป็นการส่วนตัว ด้วยการทุ่มเงินเกือบ 100 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและสร้างสรรค์รายการต่างๆ คร่ำหวอดในธุรกิจสื่อนานกว่า 20 ปี
“สาธิต” ให้เหตุผล ตลอดจนเล่าพันธกิจของการทุมเงินเข้าลงทุนธุรกิจสื่อท่ามกลางขาลงทั้งมิติการหารายได้โฆษณา คนดูทีวี และรายการต่างๆลดลง แต่ยังโอกาส และการต่อยอดในอนาคตโดยเฉพาะบทบาทการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์หรือคอนเทนต์ โปรวายเดอร์ มุ่งสร้างสรรค์เนื้อหาที่ดีด้าน “การพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน”หรือ ESG
“การถือหุ้นในทีวีบูรพา ถือเป็นการลงทุนส่วนตัว” สาธิต เล่าและขยายความ ตนได้ตั้งบริษัทใหม่ “มิลลิเซเคินด์”(Millisecond) ในฐานะโฮลดิ้ง เพื่อรุกธุรกิจสื่อ และถือหุ้น 40% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ “ทีวีบูรพา” ขณะที่ 3 ผู้ถือหุ้นเดิมยังถืออยู่คนละ 20% รวมเป็น 60%
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการธุรกิจสื่อ หากเป็นแบบเดิม รอคนดูรายการทีวีจำนวนมากหรือเรทติ้งสูง เพื่อหารายได้โฆษณา เปรียบเป็นอาทิตย์อัสดงหรือ Sunset แต่หากปรับเป็นรุกออนไลน์ ทำเป็นตัวพลิกเกมธุรกิจสื่อให้เป็น Sunrise ได้
จากนี้ไปจึงเตรียมปรับโครงสร้างทีวีบูรพา นำคอนเทนต์ที่มีต่อยอดช่องทางออนไลน์มากขึ้น และจะเสริมทีมงานออนไลน์เข้ามาด้วย จากปัจจุบันมีทีมงาน 50 ชีวิต และรายได้หลักยังเป็น “ออฟไลน์” เกือบ 100%
“การเทิร์นอะราวด์บริษัท คือรายได้จากออนไลน์”
นอกจากนี้ จะเห็นการรุกผลิตคอนเทนต์ด้านความยั่งยืนให้กับบริษัทต่างๆ ต่อยอดจุดแข็งของทีวีบูรพาที่เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการสร้างสรรค์สังคม ชุมชน เป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับผู้คน
จุดเด่นปั้นคอนเทนต์ดี ยังเป็นที่มาของการเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา “สาธิต” ระบุว่า พริ้นซิเพิลฯ มีการร่วมงานกับทีวีบูรพา ในการผลิตเนื้อหาอีเอสจีมาราว 1 ปี และนำไปสู่การเจรจาซื้อหุ้นกันเป็นเวลา 6 เดือน
“ตอนนี้ทีวีบูรพา ยังแยกกับพริ้นซิเพิลฯ ส่วนการรับจ้างผลิตคอนเทนต์ เรามองลูกค้าองค์กรต่างๆทั้งหมด รวมถึงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องทำเรื่องนี้อยู่แล้ว”
ด้านเป้าหมายธุรกิจ ปี 2567 บริษัทต้องการผลักดันรายได้ทีวีบูรพาให้แตะ 300 ล้านบาท จากปีก่อนรายได้กว่า “ร้อยล้านบาท” (ข้อมูลกรมพัฒนาธุนกิจ ทีวีบูรพามีรายได้รวมปี 2565 กว่า 160 ล้านบาท) และ “ปีนี้จะพลิกมีกำไร”
“ปีนี้ทีวีบูรพาจะมีกำไร แต่ไม่มากนัก ขณะที่การลงทุนส่วนตัว มองหลักเกณฑ์สำคัญคือเรื่องการสร้างคุณค่าให้กับชุมชน เพื่อสังคมจริงๆ ไมใช่เชิงกำไร แต่การมุ่งเรื่องผู้คนหรือ People และความยั่งยืนให้โลกหรือ People กำไรหรือ Profit จะเป็นผลพลอยได้ที่ตามมา อีกมิติ การเข้าลงทุนธุรกิจสื่อ เพราะต้องการเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆหรือมิลลิเซเคินด์(Millisecond)ที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ทำสิ่งดีๆให้สังคม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เพราะจากการทำธุรกิจโรงพยาบาล ได้พบผู้ป่วยซึมเศร้าเป็นคนรุ่นใหม่ วัยเรียนมากขึ้น จากอดีตเริ่มที่คนทำงาน เนื่องจากปัจจุบันมีสื่อสังคมออนไลน์หลากหลาย ที่สร้างพลังลบ จึงต้องการปั้นสื่อที่สร้างอิทธิพลเชิงบวกให้สังคมมากขึ้น”
ด้านกฤษณพล พงศ์ธนาวรานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลลิเซเคินด์ จำกัด กล่าวว่า กว่า 20 ปีที่ผ่านมา “ดีเอ็นเอ” ของทีวีบูรพาคือนักเล่าเรื่อง และมีคอนเทนต์กว่า 5,000 ชั่วโมง ฐานแฟนกว่า 3.6 ล้านคน เพื่อต่อยอดการเติบโตได้
แนวทางธุรกิจจากนี้ จะเห็นการทรานส์ฟอร์มบริษัทสู่ “บูรพา” ที่พร้อมจะฉายแสงบนโลกธุรกิจ โดยใช้จุดแข็งการเล่าเรื่อง เทคโนโลยีเอไอ และความยั่งยืน ตอบโจทย์ People Planet และ Profit แก่องค์กรต่างๆ
ส่วนการผลิตคอนเทนต์จะไม่มีแค่ “สารคดี” จะเห็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นที่และเครือข่าย(Marketplace) ซึ่งจะเปิดตัวสินค้าแรกไตรมาส 3 การสร้างเสริมความรู้และทักษะจำเป็นในชีวิต(Academy) และธุรกิจใหม่ เช่น การผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์บะคร และสร้างสรรค์โฆษณา(Advertising Agency) เป็นต้น