‘เอ็มเค’ ขอโตนอกร้าน เสิร์ฟ ‘น้ำจิ้ม - ชุดสุกี้พร้อมปรุง’ บุกเซเว่น อีเลฟเว่น

ทว่า ท่ามกลางธุรกิจร้านอาหาร 4 แสนล้านบาท ที่นับวันการแข่งขันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เพราะร้านอาหารไม่ได้มีเพียง สุกี้ให้เลือกรับประทาน แต่ยังมีร้านอาหารอีกหลากหลายประเภท พร้อมตอบสนองความอิ่มอร่อยให้กับผู้บริโภค

จาก MK สู่ M เปลี่ยนรับวิชั่น กลยุทธ์เคลื่อนธุรกิจ

โค้งสุดท้ายปี 2566 หนึ่งในการปรับเปลี่ยนใหญ่ของบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) คือ “โลโก้” ที่จากเดิมใช้ MK มาสู่ M เพื่อให้สอดรับกับวิชั่น และกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหาร ที่บริษัทมีหลายแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ

แบรนด์ใหม่ๆ ยังไม่คลอด แต่เห็นก้าวย่าง กลยุทธ์ใหม่ๆ ของแตกไลน์สินค้าใหม่ ที่เป็นการต่อยอดของเดิม ซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์อย่าง “น้ำจิ้มสุกี้ MK” ต้นตำรับสูตรลับความอร่อย จากร้านมาลงบรรจุภัณฑ์ขวด เพื่อขายปลีก ประเดิมที่ร้านเอ็มเค ทุกสาขา รวมถึงช่องทาง “ออนไลน์” ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ww.mk1642.com รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ดิลิเวอรี ต่างๆ

ไล่หลังไม่นานน้ำจิ้ม MK ได้ขยายสู่ช่องทางห้างค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ นำร่อง “เซเว่น อีเลฟเว่น” เบอร์ 1 ที่มีนับหมื่นสาขาทั่วไทย เป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่อยากรับประทานสุกี้ และได้ฟีลเหมือนไปรับประทาน “เอ็มเค สุกี้” ที่ร้าน เพราะน้ำจิ้มช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อย

ขายน้ำจิ้มสุกี้นำร่องไปแล้ว ต้องไปให้ครบไลน์เมนูอาหาร ล่าสุดจึงเห็นการเสิร์ฟ “ชุดสุกี้ ลูกชิ้นรวมมิตร พร้อมปรุง” มีน้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค สูตรต้นตำรับครบครัน จำหน่าย ในราคา 69 บาท ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เช่นเดิม

เอ็มเค สุกี้ ต้องโตนอกร้าน

ธุรกิจร้านอาหารมีมูลค่า 4 แสนล้านบาท ฐานที่ใหญ่ การเติบโตจะอยู่ในอัตรา 1 หลัก ซึ่งสอดคล้องกับผลงานของ “เอ็มเค เรสโตรองส์ กรุ๊ป” ที่ปิดปี 2566 บริษัทมีรายได้ 16,661 ล้านบาท เติบโต 6% จากปี 2565

เมื่อดูเฉพาะร้านอาหารแบรนด์ “เอ็มเค สุกี้” ทำเงินสัดส่วน 75% หรือกว่า 12,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นยาโยอิ และแหลมเจริญ สัดส่วน 18% และ 6% ตามลำดับ ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ทำรายได้เพียง 1% เท่านั้น

การรับประทานอาหารที่ร้าน อาจตอบไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ชอบใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่จะให้รับประทาน “สุกี้” ทุกมื้อคงไม่ไหว การรับประทานอาหารขึ้นกับโอกาส หรือ Occasion ของแต่ละคนมากกว่า อีกทั้งปัจจุบันร้านอาหารมีตัวเลือกมากมาย สุดท้ายก็แย่งกระเพาะเดียวของผู้บริโภคหรือ Share of Stomach อยู่ดี หากกินเมนูคาวร้านนี้อิ่มแล้ว คงไปต่ออีกร้านไม่ไหว เว้นของหวาน อาจเหลือพื้นที่ในกระเพาะบ้าง

ดังนั้น การโตนอกร้าน จึงเป็นทั้ง “โอกาส” และ “ไฟต์บังคับ” ให้แบรนด์ต้องลุกขึ้นมาพัฒนา รังสรรค์สินค้าที่ตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย

เอ็มเค สุกี้ ทำรายได้สัดส่วน 75%

สำหรับขุมทรัพย์โอกาสโตนอกร้านมีมาก จากประเทศไทยมีกว่า 25 ล้านครัวเรือน และการขายปลีกสุกี้ในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเว่น ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 11 ล้านคนต่อวัน ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย รวมถึงพฤติกรรมผู้บริรักษ์สะดวก หาเมนูง่ายๆ ปรุงรับประทาน

คู่แข่งไล่หลังมาติดๆ

เฉพาะตลาดหม้อร้อนอย่าง “สุกี้” เอ็มเค เรสโตรองต์ ยังทำเงินกว่า 12,000 ล้านบาท แต่หากดู “คู่แข่ง” แบรนด์รองที่กำลังโตวันโตคืน และไล่หลังการเติบโตมาแบบติดๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นอีกแรงกดดัน ทำให้ “เอ็มเค สุกี้” ต้องฉีกหนีให้ไกลกว่าเดิม

สำหรับคู่แข่งคนสำคัญนาทีนี้ต้องยกให้ “สุกี้ ตี๋น้อย” เพราะทำตลาดเพียง 6 ปี สามารถทำเงินกว่า 5,000 ล้านบาท และ “กำไรสุทธิ” ทะยานใกล้แตะ 1,000 ล้านบาท มากขึ้นทุกวัน

ระยะ “เวลา” ของการแจ้งเกิดแบรนด์ยุคนี้ ถือว่าเร็วอย่างยิ่งสำหรับสุกี้ ตี๋น้อย หากเทียบกับแบรนด์เก๋า และเก่าอย่างเอ็มเค สุกี้อยู่ในตลาดมากว่า 6 ทศวรรษ

บัลลังก์สุกี้ “เอ็มเค” กำลังถูกท้าทาย

เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป เข้าตลาด และเดินหน้าสร้างการเติบโตไม่หยุดหย่อน โดยกลยุทธ์ที่แบรนด์ให้ความสำคัญกับธุรกิจร้านอาหาร หนีไม่พ้นการขยายสาขาใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการรังสรรค์เมนูความอร่อย ดึงดูดลูกค้า กิจกรรมการตลาด โปรโมชัน และส่งเสริมการขายอีกสารพัด ทว่า หนึ่งในสิ่งที่เอ็มเค สุกี้ให้ความใส่ใจคือ “คุณภาพของวัตถุดิบ” และเป็นตัวแปรไปถึงการ “ตั้งราคาจำหน่าย”

แน่นอนว่า รับประทานเอ็มเค สุกี้ หนึ่งมื้อ ให้อิ่มพอเหมาะ ต่อบิลต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 500 บาทต่อคน

ขณะที่ “คู่แข่ง” อย่างสุกี้ตี๋น้อย มีกลยุทธ์ “ราคาจับต้องได้” เริ่มต้น 219 บาท เป็นตัวนำ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้างหรือ Mass กว่าเอ็มเค สุกี้นั่นเอง คนละเซ็กเมนต์ แต่สุดท้าย แย่งกระเพาะผู้บริโภคเหมือนกัน

กลยุทธ์ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ สุกี้ ตี๋น้อย กลายเป็นผู้กำหนดเทรนด์ในการรับประทานมื้อหนักๆ ช่วงดึกไปจนถึง ตี 5 หรือ 05.00 น. ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าว ร้านอาหารส่วนใหญ่ “ปิดให้บริการ” กันเกือบหมดแล้ว แต่สุกี้ ตี๋น้อยก็ทลายกำแพงแห่งข้อจำกัดการสร้างรายได้ยามผู้คนหลับไหล และสร้างพฤติกรรมผู้บริโภค หลัง 3 ทุ่ม ใครเขานอนหลับกัน ไปหาร้านถูกใจเพื่อรับประทานอาหารดีกว่า

มวยรองเปลี่ยนเกม ทำให้ “ผู้นำตลาด” ต้องไม่หยุดนิ่ง หาเกมการตลาด โอกาส และสังเวียนที่ตนเองจะชนะเพื่อบุกดีกว่า

สุกี้ พร้อมปรุง ไม่ได้มีแค่ “เอ็มเค”

หากสำรวจตลาดผ่านช่องทางจำหน่ายทั้งห้างค้าปลีกสมัยใหม่(Modern trade) ร้านสะดวกซื้อ(CVS) ซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ แม้กระทั่งตลาดสดจะเห็นว่าเมนู “สุกี้ พร้อมปรุง” มีหลากหลายแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร และ “ราคา” ก็หลากหลาย ตอบโจทย์กำลังซื้อของแต่ละคนด้วย

ตัวอย่างเซเว่น อีเลฟเว่น ชุดสุกี้รวมมิตร และไข่ลวกพร้อมปรุง ตรา “อีซี่คิทเช่น” ก็มีจำหน่ายในราคา 59 บาท ชุดสุกี้ขนาด 200 กรัม ราคา 35 บาท เป็นต้น ซึ่งหากผู้บริโภคสำรวจเชลฟ์ ก็จะเห็นไม่ต่างกัน

มาทีหลังและขาย 69 บาท สิ่งที่การันตีได้คือ คุณภาพวัตถุดิบ และรสชาติความอร่อยของน้ำจิ้ม “เอ็มเค สุกี้” ส่วนจะยืนหยัดทำตลาดได้ระยะยาวแค่ไหน อีก 3 เดือน ไปสำรวจเชลฟ์อีกรอบคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในมิติต่างๆ

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์