'ศูนย์สิริกิติ์' ดึงอีเวนต์ตอกย้ำไทย 'ฮับเอเชีย' พลิกเกมรับเทรนด์เปลี่ยน!

'ศูนย์สิริกิติ์' ดึงอีเวนต์ตอกย้ำไทย 'ฮับเอเชีย' พลิกเกมรับเทรนด์เปลี่ยน!

นับตั้งแต่ 'ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์' เผยโฉมใหม่เมื่อ ก.ย. 2565 ผ่านมา 1 ปีกว่า หลังปิดปรับปรุงนาน 3 ปี ช่วงวิกฤติโควิด-19 ระบาดกระทบการเดินทางของคนทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ตลาดนักเดินทางไมซ์ ที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป

และกว่าตลาดไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) จะต่อติดได้อีกครั้ง ต้องใช้เวลา โดยเฉพาะ “งานสัมมนา” (Convention) และ “งานแสดงสินค้า” (Exhibition) ซึ่งจองพื้นที่ล่วงหน้า 3-5 ปี

อย่างไรก็ดี โฉมใหม่ของ ศูนย์ฯสิริกิติ์ มีงาน “การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022” เมื่อปลายเดือน พ.ย. 2565 ฉายสปอตไลต์โหมโรง

สุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เล่าว่า สิ่งที่แตกต่างจากยุคก่อนปิดปรับปรุงศูนย์ฯสิริกิติ์คือ ในปี 2566 ได้เห็น “ความสมบูรณ์พร้อม” ของศูนย์ฯสิริกิติ์ ตอนนี้มีทั้งลูกค้าเก่าที่เคยจัดงาน กับลูกค้าใหม่บางส่วน ทำให้ปีที่แล้วมีอัตราการใช้พื้นที่กว่า 20% และในปี 2567 น่าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 30% หลังเห็นยอดจองพื้นที่จัดงานสัมมนาและแสดงสินค้าล่วงหน้าเข้ามามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เติบโต 20-30% เทียบกับปีที่แล้ว

สำหรับภาพรวมการจัดงานที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ แกนหลักคืองานสัมมนาและแสดงสินค้าระดับ “อินเตอร์เนชันแนล” (International Convention and Exhibition) ครองสัดส่วน 50% ของพอร์ตโฟลิโองานทั้งหมดที่จัดในศูนย์ฯสิริกิติ์

ล่าสุดโชว์ด้านการเงินระดับโลก “Money 20/20 Asia” จัดครั้งแรกในเอเชียที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ เป็นเวลา 3 ปี ประเดิมปีแรกวันที่ 23-25 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งเสริมไทยสู่ศูนย์กลาง “ฟินเทค” ของเอเชีย กว่า 99% เป็นชาวต่างชาติที่บินเข้ามา บัตรเข้างานขายใบละ 100,000 บาท โดยงาน Money 20/20 ถือเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้สำคัญถึงศักยภาพของประเทศไทย เพราะในโลกมีจัดแค่ 3 ที่ คือ ลาสเวกัส สหรัฐ, อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ และกรุงเทพฯ 

จุดนี้อาจทำให้ “สิงคโปร์” เริ่มกลัวประเทศไทย จากเดิมที่คนเข้าใจว่าสิงคโปร์และฮ่องกงคือ “ศูนย์กลางทางการเงิน” (Financial City) แห่งเอเชีย แต่ตอนนี้ประเทศไทยก็เริ่มมีสีสันด้านนี้ขึ้นมาแล้ว

\'ศูนย์สิริกิติ์\' ดึงอีเวนต์ตอกย้ำไทย \'ฮับเอเชีย\' พลิกเกมรับเทรนด์เปลี่ยน!

ด้านงานระดับอินเตอร์เนชันแนลอื่นๆ ที่จะเข้ามาจัดในศูนย์ฯสิริกิติ์หลังจากนี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สามัญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ “FIFA Congress 2024” ครั้งที่ 74 จัดขึ้นครั้งแรกในกลุ่มประเทศอาเซียน 13-17 พ.ค. ประเทศไทยยังได้รับเลือกจากธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้เป็นเจ้าภาพจัด “การประชุมประจำปีของสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ” ในปี 2569 รวมถึงอีกหลายงานที่จะเข้ามาจัดในไทยต่อเนื่อง ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดไมซ์กลับมาเติบโต!

ด้วยประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลาง” การพบปะของผู้คน! เป็น “ฮับของเอเชีย” ด้านการจัดงานสัมมนาและแสดงสินค้า ประกอบกับศูนย์ฯ สิริกิติ์มีจุดขายใหม่ๆ มีทางเชื่อมรถไฟฟ้า ร้านรีเทล มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 300,000 ตารางเมตร ใหญ่ขึ้น 5 เท่า มีมุมสวยๆ อย่างบันไดวนิดา มองวิวสวยของสวนป่าเบญจกิติ 

หนึ่งในเป้าหมายของศูนย์ฯสิริกิติ์ คือการดึงงานระดับโลคอล (Local) งานคอนเสิร์ต-เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และงานประชุมขององค์กรต่างๆ เข้ามาเป็น “ตัวเติม” การใช้พื้นที่ โดยบริษัทฯ มีงานที่เป็นออร์กาไนเซอร์จัดงานเอง ราว15 งานในปีนี้ เน้นขยายไปยังกิจกรรมที่มาเสริมในช่วงศูนย์ฯสิริกิติ์มีอัตราการใช้พื้นที่ค่อนข้างน้อย โดยงานใหม่มุ่งเจาะตลาด “คอนเสิร์ต” ซึ่งหลายงานกำลังหาที่ลง 

“งานที่บริษัทฯ เป็นคนจัดเอง จะมีการพัฒนาต่อยอดจากเทรนด์ต่างๆ มากขึ้น ไม่ได้เน้นจัดเพื่ออุดช่วงสโลว์ (Slow) อัตราการใช้พื้นที่ภายในศูนย์ฯสิริกิติ์เพียงอย่างเดียว แต่จัดงานนั้น เพราะเห็นว่าเป็นงานสำคัญด้วย”

\'ศูนย์สิริกิติ์\' ดึงอีเวนต์ตอกย้ำไทย \'ฮับเอเชีย\' พลิกเกมรับเทรนด์เปลี่ยน!

สุรพล ฉายภาพถึง “กำลังซื้อ” ของอุตสาหกรรมไมซ์และอีเวนต์ด้านบันเทิง เช่น คอนเสิร์ต ด้วยว่า ยุคโควิดระบาดถือเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดของธุรกิจไมซ์และคอนเสิร์ตแม้จะมีผู้ประกอบการพื้นที่ไมซ์รายใหม่เข้ามาในตลาด เช่น ยูโอบี ไลฟ์ (UOB Live) ร่วมวงแข่งกับรายเก่าๆ เช่น อิมแพ็ค เมืองทองธานี ไบเทค ศูนย์ฯสิริกิติ์ และรายอื่นๆ แต่คอนเสิร์ตที่จะลงแต่ละจุด อาจไม่ได้แย่งลูกค้ากันแบบตรงๆ ทุกคนมีจุดขายและจุดแข็งของตัวเอง มันก็ต้องแบ่งเค้กกัน!

“การผุดขึ้นของฮอลล์จัดคอนเสิร์ตใหม่ๆ ถ้าเทรนด์ไม่ได้ดีขึ้นจริง ไม่มีใครกล้าลงทุน เพราะฮอลล์นี้ถ้าประเมินตัวเลขเงินลงทุนเป็นหลักพันล้านบาท และต้องคิดมาล่วงหน้า 3-5 ปี ถ้าธุรกิจนี้ไม่มีโอกาสโต คงไม่มีใครกล้าลงทุน”