‘10 ความกังวล-10 กลยุทธ์ประหยัด’ ผู้บริโภคชาวไทยยุคค่าครองชีพพุ่ง ศก.ถดถอย

‘10 ความกังวล-10 กลยุทธ์ประหยัด’ ผู้บริโภคชาวไทยยุคค่าครองชีพพุ่ง ศก.ถดถอย

NIQ ผนึก เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ปฏิวัติการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจการค้าปลีก เปิดใจ ‘10 ความกังวล-10 กลยุทธ์ประหยัด’ ผู้บริโภคชาวไทย หลัง ค่าครองชีพพุ่ง เศรษฐกิจถดถอย ต่อเนื่อง แนะดึงเทคโนโลยีเอไอ เสริมแกร่ง พร้อมก้าวสู่โลกการค้าปลีกใหม่ แบบ win-win-win

NIQ บริษัทวิจัยผู้บริโภคชั้นนำของโลก ในเครือ Advent International ที่มีการดำเนินงานในตลาดกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมประชากรโลกมากกว่า 90% ได้ผนึกพันธมิตร เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป (Central Food Group - CFG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล หนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหารในประเทศไทย ครอบคลุมแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกสินค้าเฉพาะ เดินหน้าความร่วมมือปรับเปลี่ยนนิยามใหม่ด้านภูมิทัศน์การค้าปลีก ภายใต้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ปัจจุบัน ภาพรวมผู้บริโภคในประเทศไทยปี 2567 พบว่า  มีความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ข้อมูลจากรายงาน Consumer Outlook 2567 ระบุว่า  ในขณะที่ผู้บริโภคชาวไทย 44% มองเห็นถึงข้อดีเกี่ยวกับโอกาสทางการเงินของตน แต่คนส่วนใหญ่ถึง 75% มีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นถึง  5% จาก รายงาน Consumer Outlook 2566

 

ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่ตอบแบบสำรวจ 98% ได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค FMCG เนื่องจากต้องการ 'บริหารการเงิน'

สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่าง NIQ-CFG กับเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภาพรวมของผู้บริโภคในประเทศไทย

จากรายงานถึง 'ความกังวลของผู้บริโภคชาวไทย' สิ่งที่จัดเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ 

ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น (72%)

การชะลอตัวของเศรษฐกิจ (42%)

ความไม่มั่นคง/การสูญเสียงาน (36%) 

‘10 ความกังวล-10 กลยุทธ์ประหยัด’ ผู้บริโภคชาวไทยยุคค่าครองชีพพุ่ง ศก.ถดถอย

ซึ่งข้อกังวล 3 อันดับแรก คล้ายกับปี 2566  ที่ผ่านมา โดยสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นข้อกังวลอันดับหนึ่งของคนไทย ตามมาด้วยราคาอาหารที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ

ในปี  2566 คนไทยประสบกับปัญหาค่าไฟที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าอาหารก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความขัดแย้งและวิกฤตระดับโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่งสัญญาณถึงความตระหนักรู้ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและพฤติกรรมการใช้จ่าย

‘10 ความกังวล-10 กลยุทธ์ประหยัด’ ผู้บริโภคชาวไทยยุคค่าครองชีพพุ่ง ศก.ถดถอย

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ผู้บริโภคชาวไทยถึง 98% ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อจัดการกับการใช้จ่ายในสินค้า FMCG โดยมียอดเฉลี่ยที่ 4.7 กลยุทธ์ต่อคน ซึ่งกลยุทธ์ต้นๆ นั้น พบว่า 46% ของผู้บริโภคเปลี่ยนมาซื้อของออนไลน์เพื่อโอกาสในการรับข้อเสนอที่ดีกว่า

ขณะเดียวกันก็ประหยัดน้ำมันด้วยการลดการเดินทางไปยังร้านค้า กลยุทธ์การซื้อของออนไลน์ที่มีเพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาตามแพลตฟอร์มต่างๆ โปรโมชั่นต่างๆ อย่าง 11.11 หรือ 12.12 ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถรับส่วนลดสินค้าอุปโภคบริโภคได้ถึง 80% หรือมากกว่านั้น

แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความกังวลในช่วงต้นปี  2567 แต่ผู้บริโภค 44% ก็ยังมองในแง่ดีว่าสถานการณ์ทางการเงินจะดีขึ้นภายในสิ้นปี 2567 การมองโลกในแง่ดีนี้ บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกในพฤติกรรมผู้บริโภคที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2567

อีกหนึ่งข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญคือ ผู้บริโภคชาวไทยจะมีรสนิยมหลากหลายเพิ่มมากขึ้น โดยจะชอบเฟ้นหาทานอาหารรสชาติหลากหลายจากทั่วโลก เทรนด์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความอยากรู้ด้านการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความต้องการทางด้านคุณภาพและประสบการณ์ระดับพรีเมียมในการบริโภคอาหารที่กว้างขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเทรนด์เหล่านี้ ในการขยายฐานการนำเข้าสินค้าให้มากขึ้น กลยุทธ์นี้พัฒนามาจากข้อมูลผู้บริโภคของ NIQ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการของตลาดในการซื้อสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า สร้างความพึงพอใจ และความภักดีของลูกค้า ด้วยการนำเสนอสินค้านำเข้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

ธนวัตร จิรจริยาเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ความร่วมมือกับ NIQ ครั้งนี้มีความสำคัญมากในการทำความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก และนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ด้านอาหารระดับนานาชาติควบคู่การให้ความสำคัญต่อคุณภาพของอาหารที่นำเสนอให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป 

นำสู่การช่วยให้ 'ผู้ผลิต' สามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนให้ตรงกับตามความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อยอดขายและกำไรที่มากขึ้น

ในส่วนของ 'กลุ่มผู้ค้าปลีก' สามารถปรับกลยุทธ์สินค้าคงคลังและกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสม ที่จะนำไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของกลุ่มลูกค้า

ขณะที่ 'กลุ่มลูกค้า' ได้รับประโยชน์จากประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลได้มากขึ้น และสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มีให้เลือกซื้อหลากหลาย สอดคล้องกับความชอบและไลฟ์สไตล์ของตน

“เราไม่ได้ดำเนินการเพียงแค่นำข้อมูลมาปรับใช้เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภคเพียงเท่านั้น แต่ยังคิดเผื่อไปถึงต้นน้ำ ตั้งแต่ผู้ผลิต สรรหาวิธีที่จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถที่จะพัฒนาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ เราจึงสนับสนุนให้ผู้ผลิตใช้แพลตฟอร์มนี้ เพื่อให้ผู้ผลิต มีทิศทางในการนำเสนอสินค้าที่ถูกต้องและถูกใจผู้บริโภค”

ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ชินตา ศรีจินตอังกูร จาก NIQ ตอกย้ำถึงการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์สู่การมีสุขภาพที่ดีและการเลือกสินค้าที่จำเป็น สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ

เทรนด์ผู้บริโภคใหม่ยังแสดงให้เห็นว่า 48% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงขยะ โดยจะซื้อของเฉพาะสิ่งที่ใช้ และ 33% ตระหนักด้านสุขภาพมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้น

“แม้จะมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ แต่ผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในด้านการลงทุนในสิ่งที่จำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีของตน แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการจัดลำดับความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค”

อย่างไรก็ดี หนึ่งในความท้าทายและขับเคลื่อนธุรกิจที่สำคัญระหว่างผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตให้ดำเนินไปได้ง่ายขึ้น ก่อให้เกิดการเติบโตที่มีผลกำไรร่วมกัน นั่นคือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เอไอ ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน การวิเคราะห์การแบ่งประเภทและการส่งเสริมการขาย การวิเคราะห์หมวดหมู่และลูกค้า การจัดการข้อเสนอเฉพาะบุคคล และระบบอัจฉริยะด้านสื่อการค้าปลีกแก่ผู้ใช้รายย่อยและแบรนด์ ทั้งหมดนี้เพื่อก้าวเข้าสู่โลกการค้าปลีกใหม่แบบ win-win-win