‘กลุ่มอำพลฟูดส์’ จัดทัพอาหารไทย บุกเอเชียน่านน้ำใหม่ ลุยขยายตลาดโลกแกร่ง!

ขณะเดียวกันยังเป็นเวที “โชว์ศักยภาพ” ให้คู่ค้า ลูกค้าได้เห็น เพื่อต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจด้วย

“กลุ่มอำพลฟูดส์” อาณาจักรธุรกิจอาหาร เครื่องดื่มราว 4,000 ล้านบาท ของเมืองไทย มีสินค้าแบรนด์ดังที่ผู้บริโภครู้จักอย่างดี เช่น กะทิ “ชาวเกาะ” น้ำแกงพร้อมปรุง “รอยไทย” เครื่องดื่มธัญญาหารน้ำนมข้าวยาคู “วี-ฟิท” เครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ “กู๊ดไรฟ์” ฯลฯ ซึ่งปีนี้ยังคงจัดทัพสินค้าหลากหลายรายการ ทั้งของกลุ่มบริษัท รวมถึงพันธมิตรไปนำเสนอ

โอกาสนี้ กรุงเทพธุรกิจ ได้พูดคุยกับผู้บริหาร ถึงคอนเซปต์ โอกาสทางการตลาดของ “อาหารไทย” เพื่อผงาดสู่ครัวโลก ตลอดจนการมองหา “น่านน้ำใหม่” ในการค้าขาย ขยายตลาด สร้างการเติบโต

“ไทยเฟ็กซ์” เวทีเจรจาการค้าอาหาร-เครื่องดื่มโลก

ดร.เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มอำพลฟูดส์ ฉายภาพงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 หรือไทยเฟ็กซ์ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดงานถือว่าบรรยากาศของธุรกิจมีความคึกคัก มีผู้ประกอบการมาครอบครองพื้นที่เพื่อออกบูธกันจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเพราะหลังสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้ภาพรวมค่อยๆปรับตัวดีขึ้น อีกปัจจัย “ภาครัฐ” มีการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีการเจรจาทางการค้า ขยายตลาด และที่สำคัญงานไทยเฟ็กซ์ ถือเป็นงานระดับโลกอย่างแท้จริง จากจำนวนผู้มาเยี่ยมเยียนหรือแขกที่เข้าร่วมงานถูกมัดรวมไว้ในที่ประเทศไทย

ดร.เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร

“ไทยเฟ็กซ์ ไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มยิ่งใหญ่ในประเทศไทย แต่ระดับอาเซียน เอเชีย งานนี้ถือว่าใหญ่สุดแล้ว เป็นงานระดับโลกที่มีแขกระดับโลก บูธที่มาออกงานเข้าใจว่าไม่ใช่แค่การนำสินค้ามาเปิดตลาด ขายในไทย แต่สามารถเพิ่มโอกาสการขายให้กับลูกค้าทั่วโลก”

ตลาดเอเชีย-จีน ขุมทรัพย์แห่งโอกาส

“การเจรจาทางการค้า” ถือเป็นกิจกรรมสำคัญของงานใหญ่ไทยเฟ็กซ์ โดยระยะเวลา 4 วัน คือโอกาสเปิดตลาดใหม่ รักษาฐานลูกค้าคู่ค้าเดิม หรือช่วยเพิ่มการสั่งซื้อสินค้า เหลือเพียง 1 วันสุดท้าย ที่ให้ประชาชนได้เข้าไปชอปปิง

มิติการค้า “ดร.เกรียงศักดิ์” เผยกลยุทธ์สร้างการเติบโตของธุรกิจ จะโฟกัสลูกค้าใน "ตลาดเอเชีย” มากขึ้น โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่ผู้บริโภคนิยม ชื่นชอบสินค้าอาหารและเครื่องดื่มไทย

หากสำรวจตลาดเอเชีย “ผลไม้ไทย” นำร่องสร้างแต้มต่อไว้ไม่น้อย อย่างทุเรียนส่งออกไปจีน ทำเงินให้ประเทศมหาศาล รวมถึง “มะพร้าวอ่อน” ส่งออกมากไม่แพ้กัน ต่างแค่มูลค่า แต่จุดแข็งมะพร้าวอ่อนส่งออกได้ทั้งปี นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวจีนยัง “ดื่มนมมะพร้าว” มานาน กลายเป็นสินค้ายอดฮิตอีกรายการ

“ผัดกระเพรา” จีนจัดอันดับจานโปรด ซึ่งกลุ่มอำพลฟูดส์มีสินค้า 7-8 รายการ จากท็อป 10 จานเด็ดพร้อมเสิร์ฟผู้บริโภค ส่วนตลาดญี่ปุ่นนิยมเมนูอร่อยของไทยและแบรนด์ “รอยไทย” อย่างมาก บริษัทก็มีสินค้าขายดีอันดับ 1 คือ ต้มยำกุ้ง เสริมด้วยแกงเขียวหวาน ผัดไท ฯ

“สินค้าในพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มอำพลฟูดส์มีตอบโจทย์ผู้บริโภคครบครัน ทั้งซอส น้ำแกงพร้อมปรุง เพียงเติมเนื้อสัตว์ ผักและปรุงด้วยซอสผัดกระเพรา น้ำแกงเขียวหวาน ต้มข่าไก่ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยสะดวกได้ง่ายๆ”

ทานคาวต้องทานหวาน จึงเห็นการนำเสนอกะทิสำเร็จรูป ยูเอชที สูตรสำหรับ “ทำไอศกรีม” มาอวดโฉมใงานไทยเฟ็กซ์ด้วย ซึ่งเมนูนี้ทำง่าย เพียงเทกะทิลงเครื่องทำไอศกรีม จะได้สัมผัสรสชาติความอร่อยไอศกรีมแบบไทยๆทันที

ซอฟต์พาวเวอร์ แรงส่งอาหารไทยสู่โลก

ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า อาหารไทยไม่เพียงได้รับความนิยมในเอเชีย แต่ “คนทั่วโลก” ชื่นชอบเช่นกัน กลุ่มอำพลฟูดส์ ส่งออกสินค้าเสิร์ฟตลาดกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ได้รับฟีดแบ็คที่ดี ปัจจุบันอาหารไทยยังมีแรงส่งจากนโยบาย “ซอฟต์ พาวเวอร์” ซึ่งจะเป็นอีกจิ๊กซอว์ที่ช่วยสร้างการรับรู้สู่ตลาด

อย่างไรก็ตาม งานไทยเฟ็กซ์ เป้าหมายบริษัทต้องการเจรจาการค้ากับกลุ่มลูกค้าเดิมกว่า 200 ราย และลูกค้าใหม่ ซึ่งแต่ละปีมีหลัก “หลายร้อยราย” สนใจติดต่อทำการค้า

“อาหารไทยยังไปได้อีกไกล ด้วยจุดเด่นรสชาติดี มีหลากหลายรส เครื่องเทศไม่แรงเกินไป ทำให้ผู้บริโภคต่างชาติรับประทานได้ แง่การทำตลาดของกลุ่มอำพลฟูดส์ เราจะมุ่งตลาดเอเชีย โดยเฉพาะจีนซึ่งมีขนาดใหญ่มาก คนจีนที่มาเที่ยวไทยรับวัฒนธรรมไทย ทำให้นิยมอาหารไทยด้วย ถือเป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้บริษัท”

ยกทัพสินค้ากว่า 60 รายการ ดึงดูดคู่ค้า

ดร.กฤษฎา โสภา ผู้อำนวยการส่วนงานการตลาด และสารสนเทศ กลุ่มอำพลฟูดส์ กล่าวว่า บริษัทนำสินค้าใหม่กว่า 60 รายการ มาเปิดตัวในงานไทยเฟ็กซ์ ครอบคลุมการตอบสนองลูกค้าในต่างประเทศ หลายรายการมุ่งตอบโจทย์ลูกค้าในประเทศเช่น ซอสหอยเชลล์ตรา “มังกรสมบูรณ์” แบรนด์ใหม่ของบริษัทเสิร์ฟลูกค้า

นอกจากนี้ ยังควงสินค้าของพันธมิตร เช่น น้ำปลาร้าแซ่บไมค์ ที่บริษัทเพิ่งพลิกบทบาทเป็น “ตัวแทนจำหน่ายและกระจายสินค้า” ประมาณ 5-6 ปีแล้ว เพื่อนำเสนอให้แก่ลูกค้ารับรู้ด้วย

สำหรับงานไทเฟ็กซ์ปีนี้ กลุ่มอำพลฟูดส์ชูแนวคิด “FOOD MADE GOOD” หรือ “อาหารที่ดี เพื่อวันที่ดีกว่า” สะท้อนภารกิจมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมอาหารไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งมาพร้อมความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่การส่งมอบโภชนาการที่ดีเพื่อทุกคน สร้างสิ่งใหม่เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ร่วมส่งต่อโลกที่ยั่งยืนนั่นเอง

ไมค์ ภิรมย์ภร เจ้าของปลาร้า "แซ่บไมค์" พันธมิตรของกลุ่มอำพลฟูดส์

เปิดกว้างผนึก “เอสเอ็มอี” โตร่วมกัน

กลุ่มอำพลฟูดส์ นอกจากผลิตสินค้าป้อนผู้บริโภค บริษัทยังจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า ต่อยอดการเติบโต ปัจจุบันมีหลากแบรนด์ร่วมเคลื่อนค้าขาย ทั้งน้ำปลาร้า เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว(สแน็ก) เป็นต้น และยังคงมองโอกาสดึงลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาสร้างการเติบโตร่วมกันมากขึ้น

จุดเด่นการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าของบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้า 83 แห่งทั่วประเทศ และยังขยายต่อเนื่อง อีกด้าน “ติดอาวุธ” ให้พันธมิตรทั้งแบ่งปันองค์ความรู้ผ่านหลักสูตร Food Works โดยร่วมกับ คณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าใจแนวคิดการตลาด การสร้างแบรนด์ ระบบการจัดการโรงงาน การผลิตสินค้า รวมถึงถอดบทเรียนจาก “ตัวจริง” ที่ขับเคลื่อนธุรกิจจนประสบความสำเร็จ ต้องผ่านอุปสรรคใดมาบ้าง เป็นต้น

“กลุ่มอำพลฟูดส์ให้บริการดิสทริบิวเตอร์มา 5-6 ปี จุดแข็งเราคือมีหน่วยรถขายเงินสดหรือแคชแวน เซลล์ฟอร์ซ ครอบคลุมทั่วประเทศ เมื่อเอสเอ็มอีมาเป็นพันธมิตรกับเรา จะทำงานเหมือนครอบครัว ความสำเร็จของลูกค้า คือความสำเร็จของเรา มาร่วมมือกับเราแล้วสบายใจสำคัญไม่แพ้มิติทางธุรกิจ” ดร.กฤษฎา กล่าว 

ธุรกิจโตคู่โลกยั่งยืน

ดร.กรณ์กณิศ แสงดี ผู้อำนวยการส่วนงานนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน กลุ่มอำพลฟูดส์ กล่าวว่า ภารกิจสร้างความยั่งยืน เป็นสิ่งที่กลุ่มอำพลฟูดส์ดำเนินการมานานนับสิบปี ทว่าจากนี้ไปจะเข้มข้นมากขึ้น เพื่อสานเป้าหมายการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero)ในปี 2593 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon neutrality)

ปัจจุบันบริษัทมุ่งดำเนินโครงการ นำแนวปฏิบัติต่างๆมาใช้ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นำเครื่องจักรมีประสิทธิภาพสูงมาใช้ การใช้พลังงานทดแทน พลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ ฯ เพิ่มสัดส่วนเป็น 40% จาก 20% การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในองค์กร เช่น ที่โรงงานผลิต จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีเนื้อที่ 300 ไร่ เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการผนึกพันธมิตรทั้งห่วงโซคุณค่าการผลิตมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น

ดร.กรณ์กณิศ แสงดี 

“กลุ่มอำพลฟูดส์มีจุดยืนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม มีแผนงานและเป้าหมายชัดเจน คอนเซปต์เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงเดินหน้าร่วมมือกับคู้ค่าในซัพพลายเชน ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างโลกที่ยั่งยืน”

อย่างไรก็ตาม งาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 มีขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยกลุ่มอำพลฟูดส์ ตั้งอยู่บูธหมายเลข 10-NN01 อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 10