‘เสริมสุข’ ลุยตลาดสุดแรง สปีดเครื่องดื่มเติบโตไทย-อาเซียน

“เสริมสุข” ประกาศกร้าวพร้อมลุยทุกสนามเครื่องดื่ม ไม่เคยหยุดนิ่ง ทว่า ปี 2567 บริษัทจะเร่งสปีดสุดแรง เพื่อทิ้งห่างคู่แข่ง ชู 3 แบรนด์สำคัญ ทั้งน้ำดื่มคริสตัล น้ำอัดลมเอส และเครื่องดื่มชูกำลังแรงเจอร์ เพื่อเขย่าบัลลังก์ผู้นำ จากปัจจุบันยังเป็น “ผู้ตาม” อยู่
บทบาทการรุกตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ของยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มและอาหารในเอเชียอย่าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ที่ทำรายได้หลายแสนล้านบาทและ “กำไร” นับหมื่นล้านบาท มีบริษัทในเครือมากมายนำทัพ หนึ่งในนั้นคือ “เสริมสุข” ซึ่งมีการกระจายสินค้าเป็น “กระดูกเหล็ก”
โฆษิต สุขสิงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในปี 2567 จะใช้ 3 กลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่การตอบรับสังคมดิจิทัล ได้แก่ 1.เสริมแกร่งตราสินค้า ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ (Brand & Reach) ซึ่งบริษัทมีหลายแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มคริสตัล น้ำแร่ตราช้าง น้ำอัดลมเอสที่ครองใจ GenZ มีซาสี่ ที่ยุคไหนก็ซ่าได้ รวมถึงชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ เครื่องดื่มสมุนไพรจับใจ เครื่องดื่มชูกำลังแรงเจอร์ นมสด นมข้นจืดทีพอท และโซดาร็อคเมาเท็น
2.ต่อยอดความเป็นเลิศด้านผลิต จัดส่งสินค้ามีประสิทธภาพ (Production & Supply Chain Excellence) มุ่งสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ ปรับปรุงเครื่องจักร นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยจัดการต่างๆ ลดความสูญเสียในกระบวนการผลิต ด้านการพัฒนาและจัดส่งสินค้า มุ่งกำหนดขนาดรถที่เหมาะสมกับสินค้าแต่ละรายการมากขึ้น หาทางลดพื้นที่ซ้ำซ้อนในการจัดส่ง ใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดมลภาวะ เช่น ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานต่างๆ
3.สรรสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) ภายใต้ 7 แนวทาง เช่น มุ่งสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero) มี 7 โรงงานได้รับเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร มี 65 สินค้าได้รับเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ปัจจุบันมีสินค้าได้รับเครื่องหมายทางเลือกเพื่อสุขภาพ 22 รายการ หรือ 35% ของพอร์ตโฟลิโอ
นอกจากเร่งสปีดการโตในประเทศ “โฆษิต” ยังเผยความคืบหน้าการบุกตลาดต่างแดน ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งสินค้าไปเสิร์ฟเพื่อนบ้าน แต่เร็วๆ นี้จะเห็นการ “ลงทุนสร้างโรงงาน” ในภูมิภาคอาเซียนด้วย
“ทุกวันนี้เราพยายามเร่งขยายตลาดแบรนด์สินค้าที่มีตอบโจทย์คนในประเทศ แต่เพื่อนบ้านใกล้เคียงก็ชอบสินค้าไทย เมื่อมีโอกาสเราจึงมีแผนขยายการผลิตและลงทุนผลิตสินค้าในต่างประเทศ จะเห็นในไม่ช้านี้”
ปี 2567 ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เจอโจทย์สำคัญ เรื่อง “ต้นทุน” โดยเฉพาะจากราคาน้ำตาลที่พุ่งขึ้น บริษัทจึงรับมือโดยวางแผนการจัดซื้อวัตถุดิบน้ำตาลล่วงหน้าบางช่วง ปรับสูตรเครื่องดื่มแต่ยังคงทำให้สินค้าครองใจผู้บริโภค
“สินค้าเกษตร น้ำตาลเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้า เราหาแนวทางบรรเทาผลกระทบธุรกิจ และเลี่ยงช่องทางสุดท้ายในการปรับขึ้นราคาเพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภค”
ปรางณี ไชยพิเดช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวเสริมว่า การทำตลาดน้ำดื่มคริสตัล มีการปรับเปลี่ยนฉลากชูดีไซน์วิถีชีวิตคนไทย 4 ภาคเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ยอดขายโต 8% และรักษาการเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 18% (เบอร์ 1 มีส่วนแบ่งตลาด 20%)
ส่วนน้ำอัดลมเอส หลังรีแบรนด์ครั้งใหญ่ชูความเป็นน้ำอัดลมอาเซียน ใช้ 2 เมกะสตาร์ระดับเอเชียอย่าง “เจฟ ซาเตอร์” และ “อิ้งค์ วรันธร” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ จัดแคมเปญการตลาดเจาะเจนซี ช่วยสร้างยอดขายเติบโต 21.2% สูงกว่าตลาดน้ำอัดลมรวมโต 13% (ข้อมูล 12 เดือน ณ สิ้นเดือน มี.ค.2567-นีลเส็น) และส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม 1%
ปี 2567 บริษัทยังรุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง “แรงเจอร์” หลังใส่สุดแรงในการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมตลาดและกลุ่มเป้าหมาย จัดกิจกรรมให้ทดลองดื่ม สร้างการรับรู้และเปิดใจลองสินค้า ยังเดินหน้าดึง "ตะวันฉาย” พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม แชมป์โลกมวยวันเป็นพรีเซ็นเตอร์ เสริมทัพจัดกิจกรรมชิงโชค และการสื่อสารตลาดที่ใช้สื่อโฆษณานอกบ้านควบคู่สื่อออนไลน์สร้างแบรนด์
“เราต้องการสร้างแบรนด์แรงเจอร์ให้แข็งแกร่ง ขยายฐานคนดื่ม และขยายฐานร้านค้า เพื่อสร้างการเติบโต”
สำหรับภาพรวมผลประกอบการบริษัทครึ่งปีแรก 2567 (ปีงบประมาณ ต.ค.2566 - ก.ย.2567) สร้างยอดขาย 6,283 ล้านบาท โต 8% มี “กำไรสุทธิ” 179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน