เจาะกลยุทธ์ ‘แม็คยีนส์’ ผ่าสมรภูมิตลาดแฟชั่นแข่งขันรุนแรง

เจาะกลยุทธ์ ‘แม็คยีนส์’ ผ่าสมรภูมิตลาดแฟชั่นแข่งขันรุนแรง

"แม็คยีนส์” เร่ง 4 กลยุทธ์สร้างแบรนด์แกร่งในตลาดแฟชั่นแข่งขันรุนแรง รุกขยายสินค้าใหม่ ใช้ดาต้าเสริมฐานข้อมูล ดึงเมมเบอร์กว่า 1.7 ล้านราย ลงทุนอย่างระมัดระวัง ย้ำ Cash is King

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมในครึ่งปีหลังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้ออย่างใกล้ชิด โดยนโยบายของบริษัทได้เน้น 4 กลยุทธ์ ใน 4 ด้านได้แก่ การเร่งขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าทั้งกลุ่มเดนิมและนอนเดนิม ผ่านการสร้างสินค้าดีไซน์ใหม่ พร้อมเสริมด้วยความยั่งยืน ที่เป็นอีโค โปรดักส์ ทั้งซิปและกระดุม 

รวมถึงได้ปรับสินค้าในกลุ่ม Accessory ให้กลายเป็นสินค้าที่จำเป็น Necessary  อย่างรองเท้า จึงสร้างการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง อีกทั้งมีการขยายกลุ่มสินค้าทั้งชุดชั้นใน สำหรับผู้ชาย 

 

อีกแนวทางเร่งโตคือ การขยายจุดจำหน่ายสินค้าจากในปัจจุบันมีรวม 600 จุดทั่วประเทศ ทั้งสาขาเดี่ยว จุดจำหน่าย และการมีแฟลกชิปสโตร์ จำนวน 4 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์เกต, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เมกาบางนา และ แฟชั่น ไอส์แลนด์ โดยสาขาแฟลกชิปสโตร์ ได้วางการดีไซน์ร้านที่แตกต่าง พร้อมจัดสินค้าให้มีจำนวนมากขึ้น

ทั้งนี้มีแผนขยายสาขา แฟลกชิปสโตร์ เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งแผนการขยายสาขาใหม่ จะศึกษาการลงทุนอย่างรอบคอบ รวมถึงศึกษาจุดคุ้มทุนก่อนลงทุนทุกครั้ง (ROI) แต่หากสาขาใดสร้างผลตอบรับไม่ดี ก็พร้อมปิดเพื่อลดต้นทุนในระยะยาว

 

รวมถึงการเจาะช่องทางอีคอมเมิร์ซ ที่เป็นช่องทาง ฮีโร่ ชาแนล สามารถสร้างยอดขายเติบโตสูงกว่า 30% ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะ TikTok ที่ได้นำเสนอสินค้าให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำให้ประเมินว่า ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ภาพรวมยอดขายจากช่องทางอีคอมเมิร์ซ จะมีสัดส่วน 15% ของยอดขายรวม จากในปัจจุบันมีสัดส่วน 10%

ขณะเดียวกัน ได้มุ่งสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ และใช้รอยัลตี้โปรแกรม อีกทั้งมุ่งใช้ฐานข้อมูลที่มีอยู่ (ดาต้า) จากกลุ่มลูกค้าสมาชิกที่มีแอคทีฟอยู่รวม 1.7 ล้านคน ร่วมกระตุ้นทำให้กลุ่มลูกค้าสนใจเลือกซื้อสินค้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งที่ผ่านมาสร้างยอดขายจากฐานลูกค้าสมาชิก 70% และเกิดการซื้อซ้ำถึง 40%

ภาพรวมฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ แบ่งสัดส่วนเป็น เจนเอ็กซ์ 30% กลุ่ม เจนวาย 50% และกลุ่ม มิลเลนเนียล 15%

นอกจากนี้ได้เร่งเกมการตลาดในการมุ่งเป็น ไลฟ์สไตล์แบรนด์ ด้วยกิจกรรมทั้ง มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง และสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการร่วมเป็น สปอนเซอร์หลักของคอนเสิร์ต อัสนีวสันต์ และการร่วมสนับสนุน ทีมฟุตบอล บางกอก เอฟซี ครั้งแรก เพื่อร่วมขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ 

“ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยนโยบายของบริษัทในปัจจุบันมุ่งการออกสินค้าใหม่ และการเลือกโฟกัสกลยุทธ์ให้ถูกจุด”

ทั้งนี้จากแผนที่วางไว้ ประเมินว่า จะสร้างผลประกอบการในปีนี้ รายได้รวมกว่า 4,000 ล้านบาท เติบโตตามแผนที่วางไว้ สัดส่วนรายได้มาจาก ออฟไลน์ 90% และออนไลน์ 10% ส่วนกระแสเงินสดของบริษัทในปัจจุบันรวมอยู่ที่ประมาณ 1,487 ล้านบาท และไม่มีหนี้กับสถาบันการเงิน

“บริษัทมีเงินสดเยอะ Cash is King ภาพรวมสถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีเท่ากับปีที่แล้ว หรือปีก่อน เราลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยมองว่ายังมีโอกาสสร้างการเติบโตต่อไปได้ โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทย ที่มีช่องทางขยายตลาดได้ดีอยู่”