เปิดอินไซต์ กิน-ช้อป-เที่ยว นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน 4 ตลาด ใครเปย์หนักสุด?

เปิดอินไซต์ กิน-ช้อป-เที่ยว นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน 4 ตลาด ใครเปย์หนักสุด?

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) รายงาน 'ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาส 2 ปี 2567' หนึ่งในหัวข้อน่าสนใจคือ 'พฤติกรรมการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนในไตรมาส 2/2567'

หัวข้อนี้ได้สำรวจความคิดเห็นของ "นักท่องเที่ยวต่างชาติเชื้อสายจีน" กลุ่มตัวอย่างจำนวน 205 คน แบ่งสัดส่วนเป็นนักท่องเที่ยวจีน 44% ฮ่องกง 24% ไต้หวัน 18% และสิงคโปร์ 14% โดยทำการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ

‘สิงคโปร์’ ใช้จ่ายต่อทริปมากสุด 5.4 หมื่นบาทต่อคน

ผลการสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวสิงคโปร์มีการใช้จ่ายต่อทริป 54,456 บาทต่อคนต่อทริป สูงกว่าเชื้อสายจีนจากตลาดอื่นๆ จากจำนวนวันพักเฉลี่ย 6.33 วันต่อทริป คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวัน 8,602 บาท

รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่ ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป 46,153 บาทต่อคนต่อทริป จำนวนวันพักเฉลี่ย 7.80 วัน คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวัน 5,917 บาท

นักท่องเที่ยวไต้หวัน มีการใช้จ่ายต่อทริป 37,295 บาทต่อคนต่อทริป จำนวนวันพักเฉลี่ย 8.71 วัน คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวัน 4,281 บาท นับเป็นตลาดที่มีการใช้จ่ายต่อวันน้อยที่สุด

ส่วนนักท่องเที่ยวฮ่องกงมีการใช้จ่ายน้อยต่อทริปกว่าตลาดอื่นๆ อยู่ที่ 36,144 บาทต่อคนต่อทริป จำนวนวันพักเฉลี่ย 7.92 วัน ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวัน 4,563 บาท

‘จีนแผ่นดินใหญ่’ เที่ยวไทยซ้ำมากสุด 2.83 ครั้ง

นักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่มีจำนวนครั้งที่เคยมาประเทศไทยเฉลี่ย 2.83 ครั้งต่อคน มากกว่าเชื้อสายจีนตลาดอื่นๆ รองลงมาคือนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ 2.58 ครั้งต่อคน นักท่องเที่ยวฮ่องกง 2.49 ครั้งต่อคน และนักท่องเที่ยวไต้หวัน 2.32 ครั้งต่อคน

นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ใช้เวลาตัดสินใจในการเดินทางน้อยกว่าตลาดอื่น โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจากระยะในการเดินทางไม่นาน ไม่ต้องเตรียมตัวในการเดินทางมากนัก

ทั้งนี้ 88% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเชื้อสายจีนนิยมเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ส่วนอีก 12% ใช้บริการบริษัทนำเที่ยว

 

ถ้าจะประหยัด นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนเลือกลดใช้จ่าย ‘ชอปปิง’

นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนกว่า 45% มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง “เพิ่มขึ้น” เมื่อเทียบกับก่อนโควิดระบาด ส่วน 44% ไม่เปลี่ยนแปลง และ 11% มีค่าใช้จ่ายลดลง

ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวลด หากต้องการประหยัด พบว่าเป็นเรื่องการชอปปิงและการซื้อของฝาก 38% ค่าเดินทาง 33% ที่พัก 31% ความบันเทิง 26% และอาหาร 12%

นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน 68% ให้ความสำคัญในการใช้จ่ายด้านอาหาร รองลงมาเกี่ยวกับด้านความบันเทิง 48% ด้านการท่องเที่ยวและบริการ (เช่น ไกด์ทัวร์ นวด และสปา) 35% การชอปปิงและของฝาก 25% และที่พัก 21%

 

‘อาหารอร่อย’ ปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนเยือนไทย

สำหรับปัจจัยที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทย นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม พบว่า กว่า 78% คืออาหารอร่อย รองลงมา 55% ความปลอดภัย, 48% ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเหมาะสม, 45% ประทับใจต่อการบริการ, 32% แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และ 20% แหล่งชอปปิงที่สะดวกสบาย

จังหวัดที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนมากที่สุด อันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ 100% รองลงมา เชียงใหม่ 20% ภูเก็ต 18% ชลบุรี (พัทยา) 16% สมุย พะงัน 14% กระบี่ 12% อยุธยา 10% เชียงราย 6% ชะอำ 6% หัวหิน 6% สตูล (หลีเป๊ะ) 5% และระยอง 3%

 

เปิด 10 อันดับ ‘กิจกรรม’ ที่นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนให้ความสนใจ

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนชื่นชอบมากที่สุด ดังนี้

1. รับประทานอาหาร ผลไม้ไทย 84%

(ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ผลไม้ไทย เป็นอาหารไทยที่นักท่องเที่ยวชาวจีนต้องการลิ้มลอง)

2. นวด สปา 73%

3. ชอปปิง 55%

4. ท่องเที่ยวยามค่ำคืน เช่น เที่ยวสถานบันเทิง การรับชมการแสดง 55%

5. กิจกรรมชายหาด กีฬาทางน้ำ 30%

6. ล่องเรือสำราญในแม่น้ำเจ้าพระยา 21%

7. เที่ยวตลาดน้ำ 16%

8. สวนสัตว์ สวนสนุก 16%

9. ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ฟาร์มสเตย์ (การให้อาหารสัตว์ การอาบน้ำกับช้าง) 13%

10. ค้นหาโอกาสลงทุน 3%

 

50% นิยมพักโรงแรมราคา 2,001 - 3,000 บาทต่อคืน

เมื่อสำรวจเกี่ยวกับช่วงราคาของโรงแรมที่พัก พบว่า 50% นิยมพักโรงแรมช่วงราคา 2,001 - 3,000 บาทต่อคืน รองลงมา 39% นิยมพักโรงแรมช่วงราคา 1,001-2,000 บาทต่อคืน ส่วน 7% นิยมพักโรงแรมช่วงราคา 3,001-5,000 บาทต่อคืน ส่วน 4% นิยมพักโรงแรมช่วงราคาน้อยกว่า 1,000 บาทต่อคืน และ 2% นิยมพักโรงแรมช่วงราคามากกว่า 5,000 บาทต่อคืน

ด้านช่องทางการจองโรงแรมที่พัก พบว่ากว่า 91% นิยมจองผ่านบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) รองลงมา 16% คือการติดต่อโดยตรง, 11% เดินเข้ามาโดยไม่จองล่วงหน้า และ 11 มากับบริษัททัวร์

ขณะที่ 65% นิยมพักโรงแรมที่มีการให้บริการอาหารเช้า, 51% ใกล้แหล่งท่องเที่ยว, 44% ราคาที่เหมาะสม, 41% เดินทางสะดวก, 34% มีสระว่ายน้ำ, 33% มีห้องซาวน่า, 20% มีสระว่ายน้ำส่วนตัว, 13% มีห้องออกกำลังกาย และ 12% พักได้หลายคน

 

‘บริการแท็กซี่’ คือจุดที่นักท่องเที่ยวกังวลมากที่สุด

ทั้งนี้ ได้มีการสำรวจความกังวลของนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย พบว่ามีความกังวลเกี่ยวกับ “การบริการแท็กซี่” ที่ไม่เป็นธรรมมากที่สุด ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.65 จากคะแนนเต็ม 5 ถือว่ามี “ความกังวลในระดับมาก”

ส่วน “ความกังวลในระดับปานกลาง” เป็นเรื่องของความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การโจรกรรม การฆาตกรรม และการหลอกลวง คะแนนเฉลี่ย 3.20 , ฝุ่นละออง PM2.5 คะแนนเฉลี่ย 3.18 , ความสะดวกในการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ถนน และสายการบิน คะแนนเฉลี่ย 3.04 , ความรวดเร็วของด่านตรวจคนเข้าเมือง คะแนนเฉลี่ย 3.00 , ความสะอาดและปัญหาขยะ คะแนนเฉลี่ย 2.99 , มาตรฐานอาหารและความเสี่ยงต่ออาการอาหารเป็นพิษ คะแนนเฉลี่ย 2.92 , การขายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม คะแนนเฉลี่ย 2.79 , การให้บริการของตำรวจที่ไม่เป็นธรรม คะแนนเฉลี่ย 2.77

ด้าน “ความกังวลในระดับน้อย” การถูกหลอกลวงในการท่องเที่ยว คะแนนเฉลี่ย 2.49 , ความปลอดภัยในการท่องเที่ยวชายฝั่ง คะแนนเฉลี่ย 2.48  และจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปในแหล่งท่องเที่ยว คะแนนเฉลี่ย 2.43