ปรากฏการณ์ ‘หลานม่า’ ฝ่าความ ‘ไม่นิยม’ หนังครอบครัว สู่ทำเงิน 1,200 ล้านบาท

เบื้องหลัง "หลานม่า" คอนเทนต์ดี แต่ "บอร์ดบริษัท" กลัวไม่ทำเงิน กระนั้นทีมงานเห็นศักยภาพ หากไม่ทำหนังเรื่องนี้อาจ "จะเสียใจ" สุดท้ายผลลัพธ์เกินคาด ส่องปรากฏการณ์หนังครอบครัว ดราม่า ที่ฝ่าความไม่นิยมจนครองใจคนไทยและตลาดต่างประเทศ
อุตสาหกรรมภาพยนตร์หรือหนังในประเทศไทย มูลค่าตลาดอยู่ระดับ 3,000-5,000 ล้านบาท แน่นอนว่า “หนังต่างประเทศ” โดยเฉพาะจากฮอลลีวู้ด มักจะโกยส่วนแบ่งมากสุด อดีตจะอยู่ราว 70% ทว่าปีล่าสุด 2566 มีสัดส่วน 60%
ขณะที่ “หนังไทย” มีความพยายามจากบิ๊กโรงหนังจะผลักดันสู่ “ทอลลีวู้ด” ซึ่งปีที่ผ่านมา การมีเรื่อง ธี่หยด สัปเหร่อ ฯ ช่วยผลักดันการครองใจคนดูหนังได้อย่างดี และทำให้สัดส่วนหนังไทยทำเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับคอหนัง แน่นอนว่าจะไปดูหนัง เสพความบันเทิงนอกบ้าน “หนังที่ให้ความบันเทิง สนุกสนาน” ถูกจริต มักเป็นคำตอบแรกๆ ในการเลือก ทว่า ปี 2567 “หลานม่า” กลายเป็นหนังไทย “ครอบครัว” และดราม่าสามารถฝ่ากระแสความไม่นิยม จนทำเงินเป็นกอบเป็นกำในบ็อกซ์ออฟฟิศ(กรุงเทพฯและเชียงใหม่)แล้วกว่า 172 ล้านบาท และรายได้ทั่วประเทศ 339 ล้านบาท
“หลานม่า” บทดีแต่กลัวไม่ทำเงิน
จากการพูดคุยกับ จินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ให้มุมมองเกี่ยวกับเทสต์ของคอหนังจะออกมาดูหนังที่โรงภาพยนตร์ หนังเรื่องนั้นๆต้องตอบโจทย์ความบันเทิง ตลก หนังที่ให้ประสบการณ์แก่คนดูหลากหลายมิติ ดังนั้น การสร้างหนังเรื่อง “หลานม่า” จึงท้าทายอย่างมาก เพราะหัวใจสำคัญ จะต้องดึงกลุ่มคนที่ไม่ค่อยดูหนังแล้ว อย่างครอบครัว ปู่ย่า ตายาย หรือาม่า ออกมาดูหนังให้ได้ด้วย
ทั้งนี้ กระบวนการสร้างหนังทีมงาน ทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ ผู้เขียนบทภาพยนตร์ ฯ ตบเท้านำบทให้คณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ได้อ่าน ไม่ว่าจะเป็น “อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” และ “เล็ก บุษบา ดาวเรือง” ต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน
ทว่าในมิติธุรกิจมี “ความกังวลใจ” กับการลงทุนสร้างหนังครอบครัว ดราม่า “โอกาสทำเงินได้ไม่มากนัก” ความคิดเห็นขณะนั้น แต่เมื่อค่าย ทีมงานต้องการสร้างสรรค์หนังดี เพื่อขยายคนดูต้องหาทางลบข้อห่วงใยต่างๆ
“บทดีมาก ถ้าเราไม่ทำหนังเรื่องนี้ จะเสียใจมาก”
โจทย์ใหญ่ ทำให้คนไม่ดูหนัง ออกมาดูหนังที่โรงภาพยนตร์
เพื่อทลายความกังวลใจ เมื่อมีการตัดต่อหนัง จึงมีการเชิญกลุ่มผู้บริโภคที่ “ไม่ใช่คอหนัง” มาดู ทั้งคนมีชื่อเสียง คนต่างจังหวัด ซึ่งกระแสตอบรับดี รวมถึงการทำแคมเปญ โปรโมทต่างๆ เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมาย “ครอบครัว” ให้มาดู
“เนื้อหนังที่ดี และการโปรโมทที่ดีมาบรรจบกันพอดี”
พลันที่ฉายจริง กระแสตอบรับถือว่าดี เพราะกลุ่มครอบครัวออกมาดูหนัง “หลานม่า” ที่โรงภาพยนตร์กันเพียบ โดยเฉพาะรุ่นอาม่า ที่นั่งรถเข็นออกจากบ้านอย่างเต็มใจ
ในประเทศที่ว่าปัง! เกิดกระแสดังมากมาย ต่างประเทศผลตอบรับยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ที่พลันฉาย “หลานม่า” ให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ดู สร้างไวรัลและน้ำตาท่วมจอ
ทั้งนี้ 18 กรกฎาคมนี้ “หลานม่า” จะกลับเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เอสเอฟ บางสาขาอีกครั้ง จากปัจจุบันยังยืนโรงที่ “เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์
5 ปรากฏการณ์ “หลานม่า”
ผ่านการพิสูจน์แล้วว่า Content is King หรือหนังดีมีคุณภาพ ผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินเพื่อดูหนังในโรงภาพยนตร์ ทว่า “หลานม่า” ยังสร้างปรากฏการณ์มิติต่าง ซึ่ง “จินา” สรุปให้ 5 ด้าน ได้แก่
1.หลานม่า คือหนังไทยที่สามรถสร้างความประทับใจ ความอบอุ่นหัวใจให้คนดูทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบัน 16 ประเทศ ในอาเซียนทำลายสถิติ หนังไทยทำเงินสูงสุดในสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ด้วย
2.วัฒนธรรมครอบครัว ที่แม้จะมีความต่างกันมากมาย เช่น ด้านภาษา แต่สิ่งที่เหมือนคือ “ความรัก ความกตัญญู” เป็นสิ่งที่มีอยู่ทั่วโลก
3.สตูดิโอ ค่ายหนัง คนทำหนังไทยทุกภาคส่วน มีกำลังใจ สร้างสรรค์งานแปลก สดใหม่ ไม่ต้องทำแค่หนังรูปแบบเดิมๆ “ที่คนไทยต้องดูหนังแบบนี้”
“เป็นการสร้างสรรค์ ยกมาตรฐานหนังไทยให้โต เชื่อว่าจะมีคนทำ หนังดี หนังที่มีคุณค่า ของการใช้ชีวิต ถึงขนาดเจ้าสัว(ธนินท์ เจียรวนนท์) ยังออกปากชื่นชม ความกตัญญูอย่างมาก ซึ่งถ้าเป็นไปได้ อยากให้มีคนทำหนังแบบนี้เยอะๆ อยากให้สังคมไทยและทั่วโลก ที่ปัจจุบันเจอสิ่งเร้าจากเทคโนโลยี ดิจิทัล ได้เปลี่ยนและมองเห็นคุณค่าในเรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งดีมาก”
4.คนทำหนัง โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ นักแสดง ฯ มีกำลังใจ เพราะ “คุณค่า” ของหนังไม่ได้มาจากเงิน แต่มาจากคนดูต้อนรับด้วย ซึ่งจากการเดินสายของผู้กำกับ คนเขียนบท นักแสดง ฯ ไปยังประเทศเวียดนาม วัยรุ่นที่ดูหนังจบร้องไห้เข้ามากอดคุณยายแต๋ว(อุษา เสมคำ) ทำให้ทีมงานเองถึงขั้นน้ำตารินเช่นกันเมื่อได้รับฟังว่าหนังมีอิทธิพลและทำให้คิดถึงอาม่าเช่นกัน
“ตอนไปเวียดนาม วัยรุ่นร้องไห้เข้ามากอดยายแต๋ว และเขาเข้ามาขอบคุณคนทำงานหนัง ซึ่งปกติมีแต่เราที่ขอบคุณเขา ตอนนี้เขาขอบคุณเรา ทำให้คนดีจีเอช มีพลังอีกรอบ เพราะปีก่อนเราก็ทำงานด้วยความตั้งใจ แต่รายได้หนังไม่เข้าเป้าทุกเรื่อง เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้คนสร้างหนังหน้าใหม่ คนทำงานยังไม่เข้าเป้า ก็กล้าจะกลับมาทำ”
5.พระเอกนางเอกพันล้าน เมื่อ “คุณยายแต๋ว” ในวัย 78 ปี กลายเป็นนางเอกพันล้านบาท ที่ยังกระฉับกระเฉง ซึ่งงานนี้เทียบชั้นนางเอก “ใหม่ ดาวิกา” จากพี่มาก..พระโขนงด้วย ส่วนพระเอก “บิวกิ้น” รวมถึงทีมงานนักแสดงก็ขึ้นทำเนียบพันล้านบาทเช่นกัน
หนังพันล้านเรื่องแรกใต้ปีก “จีดีเอช ห้าห้าเก้า”
จีดีเอช ห้าห้าเก้า เป็นค่ายหนังปลุกปั้นเมื่อปี 2559 หลังแยกตัวจากค่ายเดิมอย่าง “จีเอ็มเอ็ม ไท หับ”หรือ จีทีเอช(GTH) ดังนั้น “หลานม่า” จึงเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ทำเงินทั่วโลกทะลุ 1,000 ล้านบาท (รายได้รวมทั่วโลกกว่า 1,200 ล้านบาท ยังไม่ฉายที่จีน ซึ่งต้องแบ่งรายได้เข้ามาเพิ่ม) ส่วนบ็อกซ์ออฟฟิศ(รายได้กรุงเทพฯและเชียงใหม่)รายได้ทะลุ 172 ล้านบาท สูงกว่าบุพเพสันนิวาส 2 เฟรนด์โซน น้องพี่ที่รัก ซึ่งล้วนเป็นหนังทำเงินทั้งสิ้น
แรกเริ่มจีดีเอช ยังคาดหวังหลานม่าจะทำเงินในบ็อกซ์ออฟฟิศเพียง 80 ล้านบาท และก่อนฉายคาดการณ์เพิ่มเป็น 150 ล้านบาท แต่จนถึงวันนี้ทะลุเป้าแล้วทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปถึงหนังไทย “พันล้านบาท” เฉพาะในประเทศไทย พี่มาก..พระโขนงยังทำเงินมากสุด เพราะโกยฐานคนดูต่างจังหวัดล้นหลาม แต่ไม่ได้ไปต่างประเทศ ขณะที่ “หลานม่า” โกยเงินจากต่างแดนเป็นกอบเป็นกำ
“ตลาดทั่วโลกเป็นเป้าหมายของเราในการสร้างหนังหลานม่าออกฉาย ซึ่งความสำเร็จถือว่าดีเกินคาด"