‘สกู๊ต’ รุกบินเชื่อมไทยหนุนฮับ ‘สิงคโปร์’ เพิ่มเครื่องบินไซส์เล็กเจาะตลาด

‘สกู๊ต’ รุกบินเชื่อมไทยหนุนฮับ ‘สิงคโปร์’ เพิ่มเครื่องบินไซส์เล็กเจาะตลาด

ย้อนไปเมื่อปี 2557 สายการบินราคาประหยัด 'สกู๊ต' (Scoot) ในเครือ 'สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส' เคยร่วมทุนกับ 'นกแอร์' ก่อตั้งสายการบิน 'นกสกู๊ต' (NokScoot) ซึ่งเป็นช่วงที่สายการบินราคาประหยัดต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือด! แย่งเค้กตลาดผู้โดยสารเส้นทางระหว่างประเทศที่กำลังไต่เขา

เกาะยุคทองของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติตบเท้าเข้าไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยจำนวนเฉียด 40 ล้านคน

กระทั่งปี 2563 ประเทศไทยและทั่วโลกเผชิญวิกฤติโควิด-19 ถาโถม สายการบิน “นกสกู๊ต” ซึ่งขณะนั้นโฟกัสเส้นทางบินระหว่างประเทศที่มีรัศมีการบิน 4-6 ชั่วโมง สู่เมืองในจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินเดีย ไม่สามารถประคองธุรกิจฝ่าคลื่นยักษ์ได้อีกต่อไป ประกอบกับที่ผ่านมาต้องแบกภาระขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง จึงประกาศ “ยุติกิจการ” ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2563

แม้ นกสกู๊ต จะอำลาน่านฟ้าไทยนานกว่า 4 ปีแล้ว แต่ใช่ว่า สกู๊ต จะโบกมือลาการทำตลาดเส้นทางบินสู่ประเทศไทยไปด้วย! ยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ ให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ “ไทย - สิงคโปร์” เฉพาะจุดหมายในไทยมีทั้งหมด 6 เมืองหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ เกาะสมุย กระบี่ และภูเก็ต จากปัจจุบันให้บริการเครือข่ายเส้นทางการบินไปยัง 69 จุดหมายในออสเตรเลีย เอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง

เลสลี่ ทึง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสกู๊ต ระบุว่า “ประเทศไทย” ยังคงเป็น “ตลาดสำคัญ” สำหรับสกู๊ต ทั้งในฐานะตลาดธุรกิจหลักและจุดหมายปลายทาง ด้วยเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวไทย เห็นได้จากช่วงครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสมกว่า 17.5 ล้านคน โดย สกู๊ต พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในการขยายฐานของจุดหมายปลายทาง และหวังว่าจะเป็นสะพานเชื่อมให้นักเดินทางสามารถเดินทางได้ทั่วถึงมากขึ้นระหว่างประเทศไทยและจุดหมายอื่นๆ ของโลก

‘สกู๊ต’ รุกบินเชื่อมไทยหนุนฮับ ‘สิงคโปร์’ เพิ่มเครื่องบินไซส์เล็กเจาะตลาด

เลสลี่ ทึง

 

ตอกย้ำแคมเปญแบรนด์ Because Travel Deserves Better

“กลยุทธ์การตลาดของสกู๊ตในประเทศไทย จะเน้นไปที่สร้างการรับรู้ (Awareness) ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและสร้างความไว้วางใจในแบรนด์มากขึ้น เนื่องจากเราเชื่อมั่นว่าการเดินทางในราคาประหยัด ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นประสบการณ์ที่ลำบากและยุ่งยาก จึงเป็นเหตุผลให้เราเปิดตัวแคมเปญแบรนด์ล่าสุด ‘Because Travel Deserves Better’ เมื่อปีที่แล้ว โดยแคมเปญนี้เน้นย้ำถึงบริการหลักของเรา ได้แก่ เครือข่ายปลายทางที่ครอบคลุม ชั้นโดยสารและบริการที่แตกต่าง ฝูงบินรุ่นใหม่ที่ทันสมัย ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่เราให้ความสำคัญที่สุด”

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเกือบ 70 แห่งในเครือข่ายของสกู๊ต รวมถึงการให้น้ำหนักสัมภาระถือขึ้นเครื่อง 10 กิโลกรัมแก่ผู้โดยสาร ซึ่งมากกว่าสายการบินราคาประหยัดอื่นๆ 3 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมอบความสะดวกสบายและสิทธิพิเศษที่มากขึ้นใน “สกู๊ตพลัส” (ScootPlus) สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสิ่งที่ลูกค้าสามารถคาดหวังว่าจะได้รับจากสายการบินในทุกการเดินทาง นี่คือ “แผนระยะยาว” สำหรับการสร้างแบรนด์

‘สกู๊ต’ รุกบินเชื่อมไทยหนุนฮับ ‘สิงคโปร์’ เพิ่มเครื่องบินไซส์เล็กเจาะตลาด

 

ลุยปรับปรุงฝูงบิน เพิ่มเครื่องบินไซส์เล็ก เจาะตลาดใหม่

สำหรับแผนการขยายฝูงบินในปี 2567 สกู๊ตได้นำเครื่องบิน “Embraer E190-E2” มาเสริมทัพฝูงบินซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวกว้าง โบอิ้ง B787 Dreamliner และเครื่องบินลำตัวแคบ แอร์บัส A320

“เครื่องบิน Embraer E190-E2 ขนาด 112 ที่นั่ง จะช่วยให้สกู๊ตสามารถเจาะตลาดใหม่ๆ ได้ ด้วยความสามารถในการลงจอดบนทางวิ่งสั้นและการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถบินเข้าเมืองขนาดเล็กได้มากขึ้น เช่น เกาะสมุย”

ฝูงบินเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อเส้นทางให้นักเดินทางสามารถเดินทางไปสู่ “สิงคโปร์” หรือต่อเครื่องเพื่อเดินทางไปอีกจุดหมายปลายทาง ซึ่งนับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเชื่อมต่อเครือข่ายของสกู๊ต โดยมีกำหนดรับเครื่องบิน Embraer E190-E2 เพิ่มอีก 3 ลำภายในปีนี้ และอีก 4 ลำในปี 2568

“นี่คือส่วนหนึ่งของโครงการปรับปรุงฝูงบินอย่างต่อเนื่องของเรา และเครื่องบินใหม่เหล่านี้จะนำไปขยายเครือข่ายเส้นทางบินและเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ตอบรับความต้องการของผู้โดยสารได้ดีขึ้น รวมถึงเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของเราอีกด้วย”

นอกจากนี้ สกู๊ต ยังผนึกกำลังกับบริษัทแม่ “สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส” อย่างใกล้ชิด สร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ เช่น ข้อตกลงการใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน (codeshare) อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ลูกค้าสามารถเดินทางเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อไปยังเครือข่ายรวมกว่า 120 จุดหมายปลายทางใน 35 ประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเสริมสร้าง “สิงคโปร์” ให้เป็น “ศูนย์กลางการบิน”

 

อัปเกรดเทคโนโลยี หนุนประสิทธิภาพองค์กร

เลสลี่ เล่าเพิ่มเติมว่า สกู๊ตเดินหน้าลงทุนใน “เทคโนโลยี” อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการกำหนดราคาและการจัดการรายได้ที่ดีขึ้น หรือระบบการวางแผนเที่ยวบินและการจัดตารางเวรลูกเรือ เพื่อขับเคลื่อนรายได้และสร้างประสิทธิภาพด้านต้นทุน

ยกตัวอย่างเช่น ได้ทดลองใช้งานเทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโซลูชันการฝึกอบรมลูกเรือและประสบการณ์การเรียนรู้ของพวกเขา ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ทำให้ลูกเรือสามารถฝึกฝนเทคนิคการดูแลผู้โดยสารในสภาพแวดล้อม “ห้องโดยสารเสมือนจริง”

นอกจากนี้ สกู๊ตยังพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือสำหรับฟังก์ชันเฉพาะ เช่น การควบคุมการปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันระหว่างแผนกได้อย่างราบรื่นในการจัดการกับการหยุดชะงักของเที่ยวบิน และให้ข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ แอปพลิเคชันเหล่านี้ถูกออกแบบโดยทีมภายในองค์กร เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความเหมาะสมของแอปพลิเคชันต่อระบบการดำเนินงาน และเพิ่มผลิตภาพกับประสิทธิภาพสำหรับพนักงานของสกู๊ต