เปิดแผน 'ดูโฮม' เร่งขยายสาขาไซส์ - ขนาดเล็ก ใหญ่ในปี 68

ผ่าแผนดูโฮม ครึ่งปีหลังมุ่งเปิดสาขาขนาดเล็ก นำเสนอสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพิ่มยอดขาย ชี้กำลังซื้อภาคอีสาน ภาคกลางและภาคเหนือ ยังชะลอตัว แต่ภาคใต้ ภาคตะวันออกโตสองหลัก เดินหน้าเปิดสาขาใหญ่ในปี 2568 รวม 3 สาขา สาขาเล็ก 12 สาขา ชี้การเข้ามาของสินค้าจีนยังไม่กระทบบริษัท
ประเมินภาพรวมค้าปลีก-ค้าส่งวัสดุก่อสร้างไทยที่ได้รับผลกระทบจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง รวมถึงโครงการลงทุนใหม่ของภาครัฐยังไม่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ เร่งแผนขยายธุรกิจและลงทุนในปี 68 มากขึ้น ทั้งการใช้งบลงทุนและการเปิดสาขาใหม่
นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ฉายภาพการแข่งขันในตลาดค้าปลีกและค้าส่งสินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่างและตกแต่งบ้าน ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่และผู้ประกอบการไม่ได้เน้นแข่งขันในเรื่องราคา มาจากการสามารถสร้างผลประกอบการที่เติบโตอยู่ โดยเฉพาะอัตราการทำกำไรขั้นต้น ส่วนการเข้ามาของสินค้าจีนไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัท และบางส่วนบริษัทมีการนำเข้าจากจีน
สำหรับแผนการลงทุนใหญ่ของบริษัทนับจากนี้ไป ได้วางแผนระยะยาวเร่งขยายธุรกิจไปในปี 2568 โดยเตรียมเปิดสาขาใหญ่ (แอลไซส์) ในปีนี้ 2568 จำนวน 3 สาขา ภายใต้งบลงทุนเปิดสาขาละ 400-450 ล้านบาท
พร้อมกันนี้สาขาได้วางแผนในปี 2569 จะเปิดสาขาขนาดใหญ่ ต่อเนื่องอีก 3 สาขาเช่นกัน ส่วนภาพรวมในปีนี้ 2567 มีสาขาขนาดใหญ่เปิดให้บริการทั้งหมด 24 สาขา ในทั่วประเทศ
ขณะที่สาขาขนาดเล็ก หรือดูโก ทูโฮม มีแผนเปิดสาขาใหม่จำนวน 2 สาขาในครึ่งหลังของปี 2567 นี้ จากเดิมวางแผน จะเปิดเพิ่มอีก 4 สาขา แต่ปรับไปเปิดในปีหน้า 2568 แทน ทำให้ภาพรวมในปี 2568 มีสาขาขนาดเล็กเปิดใหม่รวม 12 สาขา จากเดิมวางแผนไว้เปิดเพิ่ม 8 สาขา สำหรับสาขาขนาดเล็ก ได้เน้นเปิดในทำเลตลาดสดและชุมชนต่างๆ
นอกจากนี้ได้วางแผนรุกตลาดด้วยการมุ่งนำเสนอสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ จากในปัจจุบันมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์กว่า 2 หมื่นรายการ เพื่อผลักดันทำให้ภาพรวมยอดขายจากเฮ้าส์แบรนด์ปรับสูงขึ้นมาที่สัดส่วน 20-21% ของยอดขายรวม โดยวางแผนเพิ่มสต็อกสินค้าที่ขายดีและเร่งทำตลาดกลุ่มสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ จากในปัจจุบันช่วงครึ่งปีแรก สร้างสัดส่วนยอดขาย 19% ของยอดขายรวม
อีกทั้งได้วางกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน ทั้งขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่เป็นกรีนโปรดัสก์ สอดรับกับความต้องการของลูกค้า และลงทุนติดตั้ง โซลาร์เซลล์ ในทุกสาขา เพื่อบริหารพลังงานอย่างยั่งยืน และร่วมลดค่าใช้จ่ายจากค่าไฟฟ้า พร้อมกันนี้วางแผนองค์กรก้าวสู่การเป็น Net Zero ในปี 2065
"ภาพรวมยอดขายในทำเล ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ยอดขายยังลดลง แต่แนวโน้มอัตราการลดลงเริ่มชะลอแล้ว ส่วนภาคใต้และภาคตะวันออก สร้างการเติบโตระดับสองหลัก แต่ภาพรวมไตรมาสสองที่ผ่านมายอดขายกลับมาเติบโตในหลากหลายกลุ่มสินค้า"
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินผลการดำเนินงาน ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 สร้างรายได้รวม 16,108.09 ล้านบาท ลดลง 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างกำไรสุทธิ เท่ากับ 436.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.7%
ขณะที่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สร้างรายได้รวมอยู่ที่ 8,090.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 192.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 388.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน