บทเรียน ‘4-me’ บะหมี่แกรมมี่ ถึง ณวัฒน์ ปั้น ‘หมี่มหาชน’ ผู้ท้าชิงไปไม่ถึงฝัน

"หมี่มหาชน" น้องใหม่จากเวทีมิสแกรนด์ ลงประกวดในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ส่วนมงจะลงหรือไม่ ต้องติดตาม เพราะอดีตมีบทเรียน บิ๊กคอร์ป จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่ได้พันธมิตร เบอร์ 1 บะหมี่ฯ ลงสนามทำตลาด 4-me แต่ก็ไปไม่ถึงฝันมาแล้ว
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าทั่วไป(Mass)ที่มีติดทุกบ้าน ส่วนแบรนด์ที่ทำตลาดครองใจกลุ่มเป้าหมาย พอนับได้ 3 ยี่ห้อดัง ได้แก่ มาม่า ยำยำ และไวไว จาก 3 ค่ายใหญ่
ทว่า ตลาดยังมีผู้เล่นอื่นที่ทุนหนา และมีของดีหรือ Product ที่เป็นพระเอกเข้ามาแข่งขัน เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด ไม่ว่าจะเป็น นิชชิน เอฟเอฟ(ค่ายแฟชั่นฟู้ด)รวมถึงลิตเติ้ล กุ๊กและหมี่จัง(ค่ายนำเชา)
ปัจจุบันตลาด และผู้บริโภคเปิดกว้างรับบะหมี่ฯ แบรนด์ใหม่ๆ จากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่วางจุดยืน(Positioning)เป็นพรีเมียมเพื่อจับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งซัมยัง จากเกาหลีใต้ หรือแม้แต่หมี่โกเรง ของอินโดหมี่ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น
ณวัฒน์ ปั้น “หมี่มหาชน” ลงสนาม
ล่าสุด ตลาดมีสีสันขึ้นมาอีกนิด เมื่อมีผู้เล่นหน้าใหม่ประดับวงการบะหมี่ฯ เมื่อ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือ MGI ประกาศปั้นธุรกิจใหม่อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “หมี่มหาชน” เพื่อเข้าทำตลาด โดยจะเปิดตัววันที่ 3 กันยายน นี้ ไฮไลต์คือ การพาเหล่านางงามมาสร้างปรากฏการณ์เต็มขั้นฉบับมิสแกรนด์
กลยุทธ์ที่หมี่มหาชนจะนำเสนอคือ “รสชาติที่ไม่เหมือนใคร” ไม่เพียงตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายสายเส้น แต่ยังต้องการแย่งส่วนแบ่งการตลาดในระดับที่ดี ขณะที่การเปิดตัววันที่ 3 ไม่แค่แนะนำสินค้า แต่ยัง “ขาย” หมี่มหาชนทันทีด้วย
"4-me" บะหมี่แกรมมี่ ถึงบะหมี่นางงาม
ณวัฒน์ ไม่ใช่นักธุรกิจรายแรกที่เข้ามาท้าชิงตลาดบะหมี่ฯ “หมื่นล้านบาท” ที่เต็มไปด้วยขาใหญ่ ทุนหนา และ “แบรนด์แกร่งเกินต้าน”
ย้อนอดีต จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ภายใต้การกุมบังเหียนโดย “อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” เคยลุยตลาดมาแล้ว ซึ่งขณะนั้นยังได้พันธมิตร “เบอร์ 1” ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่าง บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน)ของเครือสหพัฒน์ และบริษัทในเครืออื่นๆ เข้ามาถือหุ้น พร้อมกับแจ้งเกิดแบรนด์ใหม่ “4-me” ออกสู่ตลาด
เพื่อให้การสร้างแบรนด์บะหมี่ฯ เป็นปรากฏการณ์อย่างแท้จริง ยังมีศิลปินดังของค่ายแกรมมี่เข้ามาถือหุ้นด้วย ซึ่งนำโดยตัวท็อป ตัวพ่อ ตัวแม่ของวงการเพลง ศิลปินนักร้อง
ทุนหนา พันธมิตรแกร่ง อาวุธตลาดดี แต่ไปไม่ถึงดวงดาว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความร่วมมือของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่กับไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ และเครือสหพัฒน์นั้น มีจุดแข็งหลายด้านทั้งการผลิตจากเบอร์ 1 การตลาดไม่เป็นสองรองใคร ยังมีแต้มต่อเพิ่มขึ้นจากการที่ศิลปินแกรมมี่ จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ การมีผู้จัดจำหน่าย และกระจายสินค้าที่แกร่ง
ทว่า การโกยส่วนแบ่งตลาดไม่ง่าย เพราะองค์ประกอบของความสำเร็จด้านยอดขาย มีหลากตัวแปร ทั้งโปรดักต์ ซึ่งหากมองย้อนอดีต 4-me ออกสินค้ามาอาจฮือฮา แต่ “รสชาติ” ถือว่าจำเจซ้ำกับพันธมิตรเจ้าตลาดอยู่ดี มุมผู้บริโภคอาจลองของใหม่ แต่ที่สุดผู้นำมาม่าอร่อยตามสโลแกนน่าจะโดนใจกว่า
ยิ่งดูจุดแข็งของเบอร์ 1 อย่าง “มาม่า” แบรนด์แกร่งมากไม่พอ ชื่อแบรนด์ยังกลายเป็นชื่อเรียกสามัญหรือ Generic name ของบะหมี่ฯไป จนยากที่คู่แข่งจะทลายลงได้ หลายครั้งที่เห็นผู้บริโภคพูดคุย วางแผนเลือกซื้อบะหมี่ฯ แม้จะหยิบยี่ห้ออื่น ก็ยังเรียก “มาม่า” และกรุงเทพธุรกิจ ยังเคยเจอเหตุการณ์ที่มีบริษัทหนึ่งทำงานให้กับลูกค้ายี่ห้อบะหมี่ฯ รายหนึ่ง แต่กลับเรียกชื่อสินค้านั้นว่า “มาม่า” ทั้งที่ยี่ห้อไม่ใช่ สะท้อนถึงการเป็น Top of mind ของผู้บริโภค
บิ๊กแบรนด์บะหมี่ฯ ครองขุมทรัพย์ 3 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าววงการตลาด สิ่งที่ทำให้จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ บุกตลาดบะหมี่ฯ เพราะมองศักยภาพการมี “สื่อ” ในมือที่จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง
ชิงแชร์ 1% เท่ากับทำเงิน 300 ล้านบาท
แหล่งข่าววงการตลาด วิเคราะห์การเข้ามาทำตลาดบะหมี่ฯ ของ MGI จะเป็นการสร้างแบรนด์เข้ามาเจาะตลาดพรีเมียม กลยุทธ์ราคาขายระดับ 20 บาทขึ้นไป รองรับเทรนด์กำลังเติบโต ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่
ขณะที่ช่องทางจำหน่าย มองออนไลน์ รวมถึงใช้อาวุธในการ Live สร้างยอดขาย
สำหรับตลาดบะหมี่ฯ มีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท หากแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดได้เพียง 1% ก็เท่ากับสามารถสร้างยอดขายระดับ 300 ล้านบาท
ที่ต้องติดตามคือ “ผู้ผลิต” หมี่มหาชน ให้กับ MGI จะเป็นบริษัทใด เนื่องจากปัจจุบันหากมองศักยภาพของผู้ผลิตที่สามารถรับจ้างผลิต(โออีเอ็ม)ได้ จะมีอยู่ไม่กี่ราย เช่น บริษัท นำเชา(ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงนิชชิน ยักษ์ใหญ่บะหมี่ฯโลกจากแดนอาทิตย์อุทัย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขโรงงานมี “กำลังผลิตเหลือ” และเปิดกว้างรับลูกค้าหรือไม่
“มาม่า” ยืนหนึ่ง 50 ปี
กรุงเทพธุรกิจ มีโอกาสได้คุยกับผู้บริหาร ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ หลายครั้ง ถึงสูตร(ไม่)ลับที่ทำให้ “มาม่า” เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แบรนด์ครองใจกลุ่มเป้าหมาย และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 อย่างยาวนาน องค์ประกอบสำคัญ เริ่มจากตัวผลิตภัณฑ์(Product) ที่ต้องมีคุณภาพ และควบคุมคุณภาพไว้ให้ได้ตลอด 5 ทศวรรษ
ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหาร “รสชาติอร่อย” โดนใจผู้บริโภค ซึ่ง “มาม่า” นั้นมีผู้อยู่เบื้องหลังการคิดค้น วิจัยและพัฒนาสินค้าที่ทำงานร่วมกับบริษัทอย่างยาวนาน นอกจากนี้ “ทายาท” ตระกูล “พะเนียงเวทย์” ที่พี่น้องร่วมขับเคลื่อนอาณาจักรบะหมี่ฯ เบอร์ 1 ยังเป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญที่ดูแลเบื้องหลังความอร่อยด้วย
นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า “มาม่า” เป็นอาหารที่คู่ครัวเรือนไทย ไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนต้องรับประทาน ขณะที่หลักการทำตลาดมาม่าเดิมมี 5 อย่าง คือ อร่อย ปลอดภัย สะดวก เก็บรักษาได้นาน และประหยัด เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ไลฟ์สไตล์ ความต้องการผู้บริโภคปรับ รวมถึงการรักษ์โลก ทำให้แบรนด์จึงเพิ่ม “คุณค่า” และการรักษาสิ่งแวดล้อมรับบริบทการทำธุรกิจในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การมีผู้ท้าชิงเพิ่มในตลาดบะหมี่ฯ ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น การแข่งขันอาจมีสีสัน ส่วนความสำเร็จและเป้าหมายของ “หมี่มหาชน” จะเป็นตามเป้าหรือไม่ ต้องติดตามเกมการยืนระยะจะสั้นหรือยาว!
เพราะขนาดบิ๊กคอร์ป บิ๊กแบรนด์ “ยำยำ-ไวไว” ยังไล่บี้ ขยับแชร์ทีละนิดยังยาก!
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์