'หาดทิพย์' เข็นการเติบโต 'น้ำอัดลม' ภาคใต้ทุกช่องทาง รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว

'หาดทิพย์' เข็นการเติบโต 'น้ำอัดลม' ภาคใต้ทุกช่องทาง รับไฮซีซั่นท่องเที่ยว

14 จังหวัดภาคใต้ พื้นที่ยุทธศาสตร์ "หาดทิพย์" ในการบุกตลาดน้ำอัดลมให้กับบิ๊กแบรนด์โลกอย่าง "โคคา-โคล่า" มองโค้งสุดท้ายมีแรงส่งจากการท่องเที่ยวเข้าสู่ไฮซีซั่น ลุยทำตลาดเชิงรุก สร้างการเติบโตทุกช่องทางทั้งโฮเรก้า โมเดิร์นเทรด

 

ตลาดน้ำอัดลมถือเป็นอีกหมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ เพราะมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท และหากดูพอร์ตโฟลิโอ ค่ายน้ำดำยักษ์ใหญ่อย่างโคคา-โคล่า ถือว่ายืนหนึ่งด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด

ทว่า เจาะพื้นที่ยุทธศาตร์ “ภาคใต้” 14 จังหวัด เป็นรับรู้ว่า “หาดทิพย์” เป็นผู้กุมขุมทรัพย์ เดินเกมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บทบาทการผลิตและจัดจำหน่าย ส่วนสินค้าในพอร์ตโฟลิโอครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น โค้ก แฟนต้า สไปรท์ ชเวปส์ เอแอนด์ดับบลิว รูทเบียร์ น้ำแร่บอนอควา เป็นต้น

พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ธุรกิจในปัจจุบันแล้ว ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตังอย่างต่อเนื่อง และเป็นแรงส่งต่อธุรกิจเครื่องดื่ม ทำให้ยอดขายจากช่องทางโรงแรมและร้านอาหารหรือกลุ่มโฮเรก้า(Horeca) รวมถึงช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรดส่งสัญญาณการเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรก 2567 การเติบโตของตลาดเครื่องดื่มถือว่ามีสูงทั้งช่องทางโฮเรก้าขยายตัว 27% ส่วนช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เติบโต 14%

จากโมเมนตัมดังกล่าว บริษัทจะปรับกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างรายได้จาก 2 ช่องทาง และขานรับการท่องเที่ยวปลายปีซึ่งเป็นไฮซีซั่นด้วย รวมถึงการเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งไตรมาส 3 มีการดำเนินโครงการลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่ ผ่านการปรับขนาดฝาและขวดพลาสติกพีอีที(PET) ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจากการประมาณการล่าสุด จะช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกตามนโยบายความยั่งยืนได้ถึงประมาณ 480 ตัน และยังทำให้ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ในครึ่งหลังของปี 2567 ลดลงตามไปด้วย

“เรามั่นใจว่าแนวโน้มที่ดีของตลาดเครื่องดื่มจะดำเนินต่อไป และบริษัทจะปรับกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างรายได้ทั้งช่องทางโฮเรก้า และโมเดิร์นเทรดให้เติบโตมากขึ้นไปอีก รับกับช่วงปลายปีที่จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวอีกครั้ง”

ด้านผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% หรือคิดเป็น 235 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวโยงธุรกิจท่องเที่ยวดีตามไปด้วย ซึ่งข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 มีจำนวนสูงถึง 8 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 27%

เมื่อแบ่งยอดขายตามพื้นที่ของบริษัท ที่เติบโตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ภูเก็ตขยายตัว 33% ตรัง 25% และสมุย 20% ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เติบโต เช่น หมวดเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล (Zero Sugar) ก็ยังคงเติบโตอย่างเข้มแข็งถึง 29% ซึ่งไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เสริมแกร่งอย่างชเวปส์ แมนดารินยูซุ ไม่มีน้ำตาล

อย่างไรก็ตาม แม้รายได้จากการขายเติบโตต่อเนื่อง แต่บริษัทฯ ก็มีต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะต้นทุนน้ำตาลเหลวมีราคาเพิ่มขึ้น 20% และกระป๋องอลูมิเนียมเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนขายรวมไตรมาส 2 อยู่ที่ 1,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% หรือคิดเป็น 151 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% หรือคิดเป็น 8 ล้านบาท

ขณะที่ 6 เดือน มีรายได้จากการขาย 4,348.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% หรือคิดเป็น 313.3 ล้านบาท และปริมาณการขายอยู่ที่ 39.4 ล้านยูนิตเคส เพิ่มขึ้น 8.8% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 342 ล้านบาท ลดลง 7.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

เมื่อดูช่องทางจำหน่ายโฮเรก้า ปริมาณการขายเติบโต 26.6% จากการเพิ่มจำนวนร้านใหม่ และมีการทำแคมเปญการตลาด Coca-Cola Foodmarks เพื่อปักหมุดร้านอาหารคู่เครื่องดื่มเจาะสตรีทฟู้ด ช่องทางโมเดิร์นเทรดทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อปริมาณการขายเติบโต 13.7% รวมถึงช่องทางร้านค้าทั่วไปเติบโต 6.2%