ขนาดเจ้าพ่อน้ำมัน ยังหันไปทำห้าง! ปีหน้า ‘OR’ จะเปิด ‘ปั๊มไม่ขายน้ำมัน’ อีก 10 แห่ง

แม้แต่คนขายน้ำมัน ยังหันมาเปิดห้าง! “OR” ลุยธุรกิจค้าปลีก เปิด “OR Space” แห่งแรกในกรุงเทพฯ อัดงบลงทุนเกือบ 39 ล้านบาท วางเป้าปีหน้าเปิดอีก 5 ถึง 10 แห่ง อยากดัน “Non-oil” เป็น “New S-Curve” แง้มปีหน้ามีแบรนด์ใหม่ มาแทนที่ “Texas Chicken”
น่านน้ำค้าปลีกมูลค่าแสนล้านบาท หอมหวานจนใครๆ ก็ต้องขอกระโดดลงมาร่วมศึก ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ปตท.” เจ้าพ่อธุรกิจค้าน้ำมัน ที่ระยะหลังเริ่มเห็นเค้าโครงความเปลี่ยนแปลงของ Business Model ด้วยการเปลี่ยนพื้นที่ปั๊มน้ำมันให้กลายเป็นร้านค้าขนาดย่อมๆ กระทั่งปลายเดือนตุลาคม 2567 ได้ฤกษ์เปิดตัว “OR Space” ปั๊มที่ไม่ขายน้ำมันเป็นแห่งแรก และในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ก็มี “OR Space” แห่งที่ 2 ถือกำเนิดขึ้น ทั้งยังเป็นสาขาแรกในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ด้วย
“ดิษทัต ปันยารชุน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ “OR” บอกว่า “OR Space” เป็นสัดส่วนที่ OR พยายามจะเติมเต็มให้ธุรกิจครบถ้วนสมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยเป็นการต่อยอดเครือข่ายพาร์ตเนอร์ที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อนหน้านำมาสู่ศูนย์การค้าแนวใหม่ ซึ่งตนมั่นใจว่า ที่นี่จะเป็นต้นแบบของแพลตฟอร์มค้าปลีกในอนาคตด้วย
หมุดหมายของ “OR Space” คือ การรวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมทุกความต้องการล้อไปกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ต้องเข้าออกสะดวก ใกล้บ้าน ปลอดภัย เริ่มพัฒนาจาก “PTT Station” ปั๊มน้ำมันกึ่งคอมมูนิตี้มอลล์ ออกมาเป็น “คอนวีเนียนมอลล์” หรือปั๊มที่ไม่ขายน้ำมัน โดย “ดิษทัต” ระบุว่า นี่คือ “New S-Curve” ของ OR ซึ่งหลังจากตั้งต้นว่า จะผลักดันโมเดลดังกล่าว บรรดาพาร์ตเนอร์คู่ค้าก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี แง้มว่า ต่อไปจะเจอพื้นที่ลักษณะนี้อีกหลายแห่งทั่วประเทศ
“ผมมั่นใจว่า OR Space จะเป็นต้นแบบ ถามว่า เป็นต้นแบบแล้วดีหรือไม่ ก็ดีนะ จะได้มีการแข่งขัน เดี๋ยวอีกหน่อยจะมีแบรนด์คล้ายๆ เราออกมาอีก ผมไม่เอ่ยนามแล้วกัน แบรนด์ที่เป็นคู่แข่งก็จะมีมาอีกเพื่อวิ่งตามเรา แต่คงตามไม่ทันเพราะเราเร็วกว่า เราเข้มแข็ง เรา Diversify เรามีอีโคซิสเตมที่ดี มีแบรนด์อื่นๆ เดินควบคู่กันไปด้วย”
นอกจากนี้ ผู้บริหาร ปตท. ยังแง้มด้วยว่า หลังจากที่ OR ตัดสินใจปิดกิจการ “เท็กซัส ชิคเก้น” (Texas Chicken) ตอนนี้มีแผนสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาทดแทน อีกไม่เกิน 3 ถึง 4 เดือน คงได้เห็นแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่แน่นอน
ด้าน “สุชาติ ระมาศ” ผู้อำนวยการใหญ่ OR ระบุว่า โดยทั่วไป “OR Space” จะใช้พื้นที่ราวๆ 3 ถึง 5 ไร่ ขึ้นอยู่โอกาสในโลเกชันนั้นๆ อาจจะใหญ่กว่า 5 ไร่ ก็เป็นไปได้เช่นกัน เมื่อถามว่า ทำไม OR จึงหันมาบุกค้าปลีกมากขนาดนี้ “สุชาติ” บอกว่า อันที่จริงธุรกิจเดิมก็ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี แต่ OR ไม่สามารถอยู่เฉยได้ ต้องหาอะไรใหม่ๆ บ้าง และที่เลือกทำค้าปลีกก็เพราะมีคู่ค้า มีเครือข่ายของธุรกิจนี้ในมือค่อนข้างเยอะ ทั้งยังมีตัวกลางการค้าปลีกอย่างปั๊มน้ำมันอยู่ในมือด้วย
สำหรับสัดส่วนธุรกิจฝั่ง “Non-oil” ตอนนี้อยู่ที่ 30% ในภาพใหญ่วางเป้าไว้ว่า อยากให้โตมากกว่านี้ไปอีก ซึ่งการขยายสาขาของ “OR Space” ในอนาคตจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนต้องดูกันปีต่อปี หากสาขารามคำแหง 129 ซึ่งเป็นสาขาแรกในกรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นโมเดลเพื่อพัฒนาสาขาอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ “OR Space” สาขารามคำแหง 129 มีเนื้อที่รวม 5 ไร่ ใช้งบลงทุนไปราวๆ 38 ถึง 39 ล้านบาท โดยความน่าสนใจของสาขานี้ คือ มีร้าน “ยูนิโคล่ โรดไซด์” (Uniqlo Roadside) ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ด้วยการออกแบบที่อ้างอิงดีไซน์มาจากร้านยูนิโคล่ สาขามาเอะบาชิ (Maebashi) และนิชิบะ (Nishiiba) ในประเทศญี่ปุ่น
และอีกส่วน คือ ร้าน “found & found” เฮลตี้แบรนด์รีเทล มาประจำการที่ “OR Space” แห่งนี้เป็นสาขาที่ 4 และกำลังจะเปิดที่จังหวัดระยอง ภายในห้างสรรพสินค้า โดยร้าน “found & found” ไม่ได้จำกัดตัวเองว่า ต้องเปิดเฉพาะในพื้นที่ของ OR เท่านั้น ขึ้นอยู่กับการพูดคุยตกลงร่วมกันกับแลนด์ลอร์ดเหมือนกับการเช่าพื้นที่ร้านค้าบนห้างทั่วๆ ไป
“OR Space จะช่วยดัน Value เราให้เข้มแข็งขึ้น เราพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะสมกับโลเกชัน OR Space ต่อหนึ่งแห่งไม่ได้ใช้เวลาคืนทุนนานมาก อาจจะประมาณ 1 ปีเศษๆ ตอนนี้คู่แข่งในสนามคอมมูนิตี้มอลล์เยอะ แต่แบรนด์เราเข้มแข็งไม่ต้องกลัวใคร ลักษณะนี้ แบบนี้ ไม่มีใครมีเราคนเดียว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. กล่าวปิดท้าย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์