‘รังนก’ ก็มีของก๊อป! ไม่อันตราย แต่กินแล้วไม่ได้ประโยชน์

แม้แต่ “รังนก” ก็มีของปลอม? แกะรอย “รังนกปลอม” จ่ายน้อยลงแต่ไม่ได้คุณภาพ แนะผู้บริโภคสังเกตรังนกของปลอมลักษณะคล้ายวุ้น-จับตัวเป็นก้อน ไม่อันตราย แต่กินแล้วไม่ได้ประโยชน์
หลายคนเชื่อกันว่า “รังนก” มีสรรพคุณเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงกลายเป็นของฝากยอดนิยมในโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะซื้อฝากผู้สูงวัยยามป่วยไข้ ด้วยเชื่อว่าจะสามารถช่วยเสริมการฟื้นฟูให้กับร่างกายได้ แต่รู้หรือไม่ว่าใน 1 ปี จะมีฤดูกาลเก็บรังนกเพียง 3 ครั้ง อีกทั้งในจำนวน 3 ครั้ง ยังมีรังนกหลากหลายประเภท ตั้งแต่ “รังนกสีทอง” ไปจนถึง “รังนกสีดำ”
เมื่อดีมานด์สูงแต่ผลผลิตน้อย “รังนก” จึงมีราคาสูง ขณะเดียวกันก็พบว่า ช่องว่างที่เกิดขึ้นทำให้มีสินค้าไม่ได้คุณภาพอย่าง “รังนกปลอม” ผุดขึ้นในท้องตลาดพร้อมๆ กัน หากดูโดยตาเปล่าเพียงผิวเผิน ก็อาจคาดเดาได้ยากว่า รังนกที่กำลังกินอยู่เป็นของปลอมหรือไม่ ทว่าเมื่อดูลึกลงในรายละเอียด รังนกที่มีราคาย่อมเยาและได้ปริมาณเยอะกว่าจะมีลักษณะจับตัวเป็นก้อนหรือแผ่นเล็กๆ คล้ายวุ้น เนื่องจากแผ่นสีขาวขุ่นในขวดไม่ใช่รังนกจากธรรมชาติ แต่เป็น “Stabilizer” หรือสารให้ความคงตัว
รังนกเป็น “ของหายาก” เก็บได้เฉพาะพื้นที่ปิดเพียงปีละ 3 ครั้ง
ในประเทศไทย “รังนก” มีที่มาจาก “รังนกนางแอ่น” ถูกจัดให้เป็นพื้นที่สัมปทานแบบปิด และเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์นกนางแอ่นไปในตัว โดยที่ผู้รับสัมปทานต้องดูแลระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมของเกาะที่นกอาศัยอยู่อย่างเข้มงวด เพราะหากมีการรบกวนนกมากเกินไปก็อาจทำให้นกวางไข่ได้น้อยลง มีการฟักตัวของลูกนกน้อยลง ซึ่งก็หมายความว่า ปริมาณรังนกก็จะน้อยลงตามไปด้วย
สำหรับการเก็บรังนกใน 1 ปี ทำได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น โดยครั้งที่ 1 จะเก็บในช่วงเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ การเก็บรังนกในช่วงนี้จะได้รังนกที่มีคุณภาพมากที่สุด ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นประมาณกลางเดือนมีนาคม และหลังจากนั้นก็จะปล่อยให้นกทำรังและวางไข่ ทิ้งระยะไปอีกหลายเดือนมาสู่การเก็บรังนกครั้งที่ 3 ในเดือนกรกฎาคม เมื่อลูกนกเริ่มโตเต็มที่ พร้อมออกจากรังไปกับพ่อแม่แล้ว รังนกที่ยังเหลืออยู่ในถ้ำก็จะถูกเก็บ และนกเหล่านี้จะบินกลับมาที่ถ้ำอีกครั้งในเดือนธันวาคมตามรอบการวางไข่ต่อไป
ทั้งนี้ วิธีการเก็บ รังนก จะมี 2 แบบ แบบแรกเรียกว่า “เดินแทง” คือการใช้ไม้ยาว ติดเหล็กงุ้มไว้ด้านบน ที่มีชื่อเรียกว่า “ตาจอบ” เพื่อแซะรังนกจากผนังถ้ำ โดยที่ผู้เก็บรังนกต้องมั่นใจว่า ในรังไม่มีนกนางแอ่นอยู่แล้ว ซึ่งการเก็บด้วยวิธีเดินแทงจะใช้เฉพาะกับรังนกในถ้ำที่อยู่สูงมากเท่านั้น
ส่วนวิธีที่สอง คือการเก็บโดย “ใช้แสก” สำหรับรังนกที่อยู่สูงมากๆ ลักษณะของแสกจะมีรูปร่างคล้ายกระเช้า โดยวิธีนี้ต้องใช้คนเก็บมากถึง 3 คน เพื่อช่วยกันดึงแสกไปยังจุดที่ต้องการ จากนั้นค่อยๆ ใช้ตาจอบแซะรังนกลงมา ทำให้วิธีนี้ต้องใช้คนเก็บที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมืออย่างมาก
“รังนกสีทอง” นิยมที่สุด “รังนกสีแดง” ไม่ได้มาจากเลือด
แม้จะเป็นรังนกเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันไปตามรูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติ โดยรังนกที่ดีที่สุด และได้รับความนิยมมากในประเทศไทย ได้แก่ “รังนกสีทอง” รังนกจากถ้ำธรรมชาติที่เนื้อรังนกสะอาดและมีความหนา มีสารอาหารมากกว่ารังนกประเภทอื่นๆ เพราะมาจากแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นรังนกที่ถูกจัดในประเภทรังนกเกรดพรีเมียมที่สุด
ส่วน “รังนกสีแดง” ที่มักเกิดความเข้าใจผิดว่า มาจากเลือดของนกนั้น แท้จริงแล้วสีแดงของรังนกมาจากสีของผนังถ้ำ แต่ด้วยความเชื่อดังกล่าวอาจทำให้ “รังนกสีแดง” ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคมากนัก ด้าน “รังนกสีขาว” ส่วนใหญ่มีที่มาจากรังนกบ้าน คือรังที่นกนางแอ่นมาสร้างไว้ตามบ้าน มีสีขาว เล็ก และบาง ราคาจึงถูกกว่า และมีสารอาหารน้อยกว่ารังนกตามธรรมชาติ สุดท้ายคือ “รังนกสีดำ” เป็นรังนกไม่บริสุทธิ์ มีขนนกเจือปนอยู่มาก จึงทำให้ราคาและคุณภาพของรังนกค่อนข้างต่ำนั่นเอง
“รังนกปลอม” ทำจากสารคงตัว วุ้น ยาง และมีราคาถูกเกิน
วิธีสังเกตแยกแยะระหว่าง “รังนกจริง” และ “รังนกปลอม” อาจดูได้ง่ายๆ จากราคาเป็นอันดับแรก โดยปกติราคาขายของรังนกแท้เฉลี่ยอยู่ที่ “หลักแสนบาท” ต่อกิโลกรัม ส่วนรังนกปลอมราคาจะอยู่ที่ “หลักพันบาท” ต่อกิโลกรัม
ส่วนประกอบของรังนกปลอมก็ค่อนข้างหลากหลาย มีตั้งแต่ลูกสำรอง วุ้น สาหร่าย ยางคารายา ซึ่งเป็นยางจากต้นสุพรรณิการ์ รวมถึงการใช้ “Stabilizer” หรือสารให้ความคงตัว ทำให้รังนกปลอมมีลักษณะคล้ายวุ้น หากมองผิวเผินก็จะพบว่า ให้สัมผัสใกล้เคียงกับรังนกแท้มาก
อีกข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดคือ กลิ่นของรังนกรังนกแท้จะมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน โดยมีกลิ่นคาวของน้ำลายนกนางแอ่นขณะนำไปตั้งไฟตุ๋น มีความเหนียว และเห็นเป็นเส้นได้ชัดเจนกว่า ส่วนรังนกปลอมจะไม่มีกลิ่น และไม่มีรสชาติ หากนำไปส่องผ่านแสง “รังนกแท้” รังนกแท้จะมีลักษณะกึ่งโปร่งแสง และเห็นเส้นใยค่อนข้างชัด ส่วน “รังนกปลอม” จะทึบแสง และจับตัวเป็นก้อนมากกว่า และหากนำเส้นรังนกมาทำให้แห้ง รังนกแท้จะยังเห็นเป็นเส้น แต่รังนกปลอมจะกลายสภาพเป็นแผ่นแบนๆ หรือคราบขาวๆ เนื่องจากองค์ประกอบส่วนใหญ่คือ “แป้ง” ไม่ใช่โปรตีนเหมือนรังนกแท้
ฉะนั้น หากจะเลือกกินรังนกให้ได้คุณประโยชน์ครบถ้วนตามที่ตั้งใจไว้ ลองเปรียบเทียบลักษณะจากเช็กลิสต์ที่ยกมาข้างต้น เพื่อให้แน่ใจว่า ได้ของดีเป็นประโยชน์กับร่างกายจริงๆ เพราะแม้จะเป็นรังนกเหมือนกันแต่ประโยชน์ที่ได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่าดูความคุ้มค่าเพียงแค่ราคาถูก แต่ต้องดูคุณภาพและคุณประโยชน์ที่ได้รับด้วย