ททท. ดึง 'จีนเที่ยวไทย' ปี 68 หวังโกยยอดแตะ 9 ล้านคน ปั๊มรายได้ 5.5 แสนล้านบาท
“ททท.” เร่งเครื่องบูสต์ตลาด “จีนเที่ยวไทย” แตะ 9 ล้านคน ปี 68 สร้างรายได้ 5.5 แสนล้าน เร่งฟื้นเที่ยวบินเส้นทางไทย-จีน ให้ได้ 90% เทียบปี 62 ก่อนโควิด นักท่องเที่ยวจีนแห่เข้าไทยสูงสุด 11 ล้านคน “สรวงศ์” นำทัพเอกชนไทยบุกเทรดโชว์ใหญ่สุดแดนมังกร “CITM 2024” ย้ำเชื่อมั่นปลอดภัย
KEY
POINTS
- “ททท.” เร่งเครื่องบูสต์ตลาด “จีนเที่ยวไทย” แตะ 9 ล้านคน ปี 68 สร้างรายได้ 5.5 แสนล้าน เร่งฟื้นเที่ยวบินเส้นทางไทย-จีน ให้ได้ 90% เทียบปี 62 ก่อนโควิด นักท่องเที่ยวจีนแห่เข้าไทยสูงสุด 11 ล้านคน
- “สรวงศ์” นำทัพเอกชนไทยบุกเทรดโชว์ใหญ่สุดแดนมังกร “CITM 2024” ย้ำเชื่อมั่นความปลอดภัย พร้อมแจกการบ้าน 5 สำนักงาน ททท. ดึงกลุ่มจับจ่ายสูง เฟ้นกลยุทธ์สู้กระแสจีนเที่ยวในประเทศโตแกร่ง
แม้แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนจะยังรั้งแชมป์เที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 ในปี 2567 แต่การประเมินล่าสุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) น่าจะปิดตัวเลขใกล้เคียง 7 ล้านคน ยังห่างจากสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 11 ล้านคนเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด ทำให้ในปี 2568 ต้องเร่งเครื่องตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมามากขึ้น พร้อมขยายฐานระดับพรีเมียม ปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย และกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตในโอกาสที่ปี 2568 เป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ททท.วางเป้าหมายตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยในปี2568ไว้ที่จำนวน 8.8 ล้านคน ล่าสุดนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้เพิ่มเป้านักท่องเที่ยวจีนมากขึ้นอีก จึงมองว่าน่าจะเพิ่มได้เป็น 9 ล้านคน สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาทหรือมากกว่านั้น มุ่งฟื้นปริมาณเที่ยวบินและที่นั่งโดยสารเส้นทางไทย-จีนเป็นหลัก เพื่อกลับมาให้ได้ 90%ของปี 2562 ก่อนโควิดระบาด
คาดจบปี 67 ทัวริสต์จีนใกล้เคียง 7 ล้านคน
ส่วนปี 2567 ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนไว้ 7.3 ล้านคน สร้างรายได้ 4.5 แสนล้านบาท แต่ในเชิงจำนวนอาจทำได้จริงราว 6.8-7 ล้านคน โดยจากสถิตินักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 24 พ.ย. มีจำนวนสะสม 6.09 ล้านคน ครองแชมป์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมทั้งหมด 31.31 ล้านคน
เดิมช่วงต้นปี 2567 ได้ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยไว้ว่ามีแนวโน้มไปถึง 8 ล้านคน แต่เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนเรื่องการฟื้นตัวของเที่ยวบินยังไม่ได้กลับมามากอย่างที่คาดหวัง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการเดินทางอย่างภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในเดือน ก.ย.-ต.ค. มีพายุเกิดขึ้นในจีน ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินไป ส่วนน้ำท่วมในไทย ด้วยภาพออกมารุนแรง ทำให้การเดินทางสะดุดลง แต่ด้วยกิจกรรมการตลาดที่ ททท.จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นบรรยากาศการเดินทาง เช่น เทศกาลหนีห่าว มันธ์ (Nihao Month) ต่อเนื่องไปถึงเทศกาลลอยกระทง และงานวิจิตรเจ้าพระยา ก็ได้เห็นนักท่องเที่ยวจีนกลับมามากขึ้น
ผนึกแอร์ไลน์เพิ่มไฟลต์บินเจาะเมืองรอง
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้การทำตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจจีนว่าจะฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนเรื่องการฟื้นตัวของเที่ยวบินที่เริ่มดีขึ้นแล้ว สะท้อนจากการหารือร่วมกับสายการบิน อาทิ ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ และสปริงแอร์ไลน์ เรื่องการเพิ่มความถี่เที่ยวบินรวมถึงเพิ่มจุดหมายปลายทางให้มีความหลากหลายมากขึ้น ยาวไปจนถึงหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะเที่ยวบินประจำจากเมืองใหม่ที่เป็นเมืองรองระดับเทียร์ 2 ในจีน ซึ่งทางสายการบินต้องการดูว่ามียอดขนส่งผู้โดยสารดีหรือไม่
“ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปจีนเพิ่มขึ้นมากหลังมีมาตรการวีซ่าฟรีถาวรระหว่างไทย-จีน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 มาช่วยเพิ่มสมดุลตลาด ทำให้เที่ยวบินที่ขนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยสามารถบริหารจัดการเที่ยวบินได้ดีขึ้น จึงไม่น่าจะมีปัญหา”
ทั้งนี้ ในปี 2568 สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) จะร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และ ททท. วิเคราะห์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเชิงลึก ว่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมถึงการเจาะเมืองรองระดับเทียร์ 3 ที่เป็นเมืองใหม่ๆ เพื่อหากลุ่มกำลังซื้อสูงและเศรษฐี รวมถึงการเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพการใช้จ่าย ขณะเดียวกันไม่สามารถทิ้งตลาดกรุ๊ปทัวร์และกลุ่มเดินทางเพื่อประชุมสัมมนาได้
“โจทย์ของเราคือต้องไปหาให้ได้ว่ากลุ่มที่เป็นไฮเอนด์อยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อดึงกลุ่มใหม่ๆ ให้เข้ามาเที่ยวไทย”
“สรวงศ์” นำทัพเอกชนไทยบุกงาน CITM 2024
นายสรวงศ์ เทียนทองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้นำทัพผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยร่วมงาน “ไชน่า อินเตอร์เนชันแนล ทราเวล มาร์ต 2024” หรือ CITM 2024 ซึ่งเป็นเทรดโชว์ด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในจีน มีพื้นที่จัดงานขนาด 53,000 ตารางเมตร และคูหาจัดแสดงกว่า 2,500 คูหา จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 22-24 พ.ย. ณ เนชันแนล เอ็กซิบิชัน แอนด์ คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ ในนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยได้เจรจาธุรกิจและนำเสนอสินค้ากับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวในตลาดจีน
ทั้งนี้ ตนได้เข้าพบนายจาง เจิ้ง (Zhang Zheng) รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน เมื่อวันที่ 22 พ.ย. พร้อมเน้นย้ำถึงความปลอดภัยในไทยให้ชาวจีนมั่นใจ เพราะที่ผ่านมามีเฟคนิวส์ต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่สบายใจ ขณะเดียวกันได้ประสานขอให้ทางการจีนช่วยประชาสัมพันธ์ว่าเฟคนิวส์ที่ออกมานั้น ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท.ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำรวจท่องเที่ยวของไทยว่าได้ยกระดับการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง เช่น การนำเทคโนโลยีและเอไอ (AI) มาใช้
เฟ้นกลยุทธ์สู้ ‘จีนเที่ยวจีนแกร่ง-แข่งญี่ปุ่น’
นายสรวงศ์ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจจีนตอนนี้ ทำให้มีการรณรงค์ให้ชาวจีนเที่ยวในประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงได้ให้โจทย์แก่ผู้อำนวยการ ททท. ทั้ง 5 สำนักงานในจีนว่าต้องดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูง ไปจับจ่ายในเมืองน่าเที่ยว (55 เมืองรอง) รวมถึงจุดหมายปลายทางที่ยังเวอร์จินอยู่
“ททท.ก็ต้องกลับไปทำการบ้านว่าจะขายอย่างไรให้ปัง เพื่อแข่งขันกับประเทศต่างๆ ที่ต้องการดึงกลุ่มชาวจีนใช้จ่ายสูงเหมือนกัน เช่น ญี่ปุ่น ในภาวะที่นักท่องเที่ยวจีนไม่ได้มีจำนวนคนออกไปเที่ยวต่างประเทศมากเหมือนปีก่อนโควิดระบาด ซึ่งตอนนั้นทางการจีนสนับสนุนให้ชาวจีนออกไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อค้นหาและเปิดมุมมองว่าประเทศอื่นเขาทำอะไรกัน แต่ปัจจุบันได้มีการปรับนโยบายสนับสนุนชาวจีนเที่ยวในประเทศ ทำให้ต้องปรับแผนการตลาดรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป เช่น กรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ลดลง และนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดินทางซ้ำ จึงต้องดึงไปเยือนจุดหมายปลายทางที่ยังไม่เคยไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ระบุถึงสถิตินักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าญี่ปุ่นในช่วง 10 เดือนแรก (1 ม.ค. – 31 ต.ค.) ปีนี้ มีจำนวนสะสม 5.83 ล้านคน คิดเป็นการเติบโต 214% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังติดลบ 28% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยจำนวนสะสมดังกล่าวมากเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ที่มีจำนวนเดินทางไปญี่ปุ่นสะสม 7.2 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทยในช่วง 10 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนสะสม 5.71 ล้านคน
รมว.วัฒนธรรมและท่องเที่ยวฯ จีน เยี่ยมชมคูหาไทย
นางสาวฐาปนีย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ คณะผู้บริหารระดับสูงของ ททท. ได้ให้การต้อนรับ นายซุน เย่หลี่ (Sun Ye Li) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ณ คูหาประเทศไทย ในงาน CITM 2024 อีกด้วย โดยคูหาประเทศไทยถูกออกแบบและนำเสนอภายใต้แนวคิด “Let’s Have Fun in Amazing Thailand” สะท้อนถึงความสนุกสนาน ความงดงามและเสน่ห์ของประเทศไทย พร้อมแสดงถึงศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจีน
“การเข้าร่วมงาน CITM 2024 ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ ททท. ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน พร้อมกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก”