Booking.com เปิด 9 เทรนด์การท่องเที่ยวปี 2568 ‘ฉีกกรอบเดิม เติมเต็มตัวตน’

Booking.com เปิด 9 เทรนด์การท่องเที่ยวปี 2568 ‘ฉีกกรอบเดิม เติมเต็มตัวตน’

Booking.com (บุ๊กกิ้งดอทคอม) เผย 9 เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2568 เมื่อปัจจัยน่ากังวลอย่างสถานการณ์เศรษฐกิจ ค่าครองชีพพุ่ง และภาวะโลกร้อน ส่งผลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยว หนุนผู้เดินทางนิยามการเดินทางของตัวเองใหม่ “ฉีกกรอบเดิมเพื่อเติมเต็มตัวตน”

มิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง และจีน บุ๊กกิ้งดอทคอม (Booking.com) กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจที่ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสภาวะโลกร้อนยังคงเป็นปัจจัยกังวลหลัก ส่งผลต่อเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2568

บุ๊กกิ้งดอทคอมเห็นว่า แม้ว่าผู้คนกำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอน แต่การเดินทางยังคงเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ จากปี 2567 ที่ผู้เดินทางเคยระบุว่า “การท่องเที่ยวคือชีวิต” (Travel is Life) แต่นิยามในปี 2568 จะเปลี่ยนไป มุ่งสู่ “การฉีกกรอบเดิมเพื่อเติมเต็มตัวตน” ผ่านการท้าทายกฎเกณฑ์เดิมๆ สร้างความเชื่อมโยงใหม่ๆ กับตัวเอง คนที่พวกเขารัก ผู้คนที่พบเจอระหว่างการเดินทาง และจุดหมายปลายทางที่ได้ไปเยือน

เพื่อเข้าใจพฤติกรรม และความชอบของผู้เดินทางที่ต้องการจะฉีกกรอบเดิม และเติมเต็มตัวตนของพวกเขาในปีหน้า Booking.com จึงจัดทำแบบสำรวจการคาดการณ์เทรนด์การเดินทางในปี 2568 รวบรวมความคิดเห็นจากผู้เดินทางทั่วโลกมากกว่า 27,000 คนจาก 33 ประเทศ และดินแดน และนำเสนอเทรนด์การเดินทางทั้ง 9 เทรนด์ซึ่งจะเป็นที่คาดว่าในปี 2568 จะเป็นปีแห่งการท่องโลกแบบใหม่ของทั้งผู้เดินทางเจเนอเรชันวาย (Gen Y หรือ มิลเลนเนียล) ที่กำลังมองหาความบันเทิงใหม่ๆ ในสนามบินตลอดจนเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ผู้มองหาความตื่นเต้น

Booking.com เปิด 9 เทรนด์การท่องเที่ยวปี 2568 ‘ฉีกกรอบเดิม เติมเต็มตัวตน’

1. เปิดโลกการเดินทางใหม่ด้วย AI

ในปี 2568 เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ จะมีบทบาทสำคัญต่อการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการเดินทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา การค้นหาจุดหมายปลายทางที่แปลกใหม่ และมีเอกลักษณ์ ตลอดจนช่วยให้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่จุดหมายปลายทางได้ดียิ่งขึ้น

  • 83% ของผู้เดินทางชาวไทย (และ 66% ของผู้เดินทางทั่วโลก) จะใช้เทคโนโลยีเพื่อค้นหาข้อมูล และสัมผัสประสบการณ์แบบท้องถิ่นแท้ๆ
  • ผู้เดินทางชาวไทยกว่า 3 ใน 4 (75%) ใช้เทคโนโลยีในการค้นหาจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
  • นอกจากนี้ ผู้เดินทางชาวไทยเกินครึ่ง (54%) สนใจ และพร้อมลองใช้ AI ในการคัดสรรสิ่งต่างๆ สำหรับการวางแผนทริปของพวกเขา

เพื่อตอบรับเทรนด์ ‘เปิดโลกการเดินทางใหม่ด้วย AI’ Booking.com แนะนำ ‘AI Trip Planner’ ซึ่งเป็นเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ที่จะช่วยแนะนำการวางแผนทริปใหม่ๆ อันน่าสนใจและเหมาะกับความชอบของผู้เดินทางทุกคน

 

2. ทริปเที่ยวแบบครอบครัวใหญ่

ผู้เดินทางในปี 2568 จะหันมาให้มรดกลูกหลานของพวกเขาด้วยประสบการณ์อันล้ำค่าจากการเดินทางแทนที่จะให้เงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งเทรนด์การเดินทางนี้จะเป็นการพักผ่อนแบบ ‘SKI’ (Spending Kids’ Inheritance) หรือที่เรียกว่า ‘การจ่ายเงินสร้างประสบการณ์ให้ลูกหลานมากกว่าการเก็บเป็นมรดก’

  • ผู้เดินทางชาวไทย 40% (ผู้เดินทางทั่วโลก 46%) ต้องการใช้จ่ายเงินไปกับทริปครอบครัวในปี 2568 เพื่อสร้างประสบการณ์ ‘ครั้งเดียวในชีวิต’ มากกว่าเก็บเงินไว้เป็นมรดกให้แก่ลูกหลาน
  • เทรนด์นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ โดย 96% ของผู้เดินทางชาวไทยกลุ่มนี้ยินดีที่จะออกค่าใช้จ่ายให้ลูกหลานสำหรับการเดินทางครั้งถัดไป
  • นอกเหนือจากนี้ ผู้เดินทางชาวไทย 78% ระบุว่าผู้ปกครองของพวกเขาเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางพักผ่อน แม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วก็ตาม

เนื่องจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของสมาชิกในครอบครัว การเดินทางจึงเปรียบเสมือนรางวัลตอบแทนจากการทำงานอย่างหนัก ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจใหม่ๆ แล้วยังช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยจากผลสำรวจเกี่ยวกับทริปการเดินทางแบบครอบครัวใหญ่ (Multigenerational travel) พบว่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวใหญ่ สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 43% และผู้เดินทางกลุ่มนี้มักจะหาโอกาสพิเศษในการเดินทางเพื่อพบปะหรือรวมตัวเฉลิมฉลองด้วยกัน ซึ่งพวกเขาระบุว่าระยะเวลาที่เหมาะสมของทริปที่จะไม่ทำให้สมาชิกในครอบครัวรู้สึกเหนื่อยจนเกินไปคือ ประมาณ 4-6 วัน

  • ผู้เดินทางกลุ่มมิลเลนเนียลหรือเจเนอเรชันวาย มักเป็นผู้นําในการวางแผนการเดินทางของครอบครัว โดย 48% ของพวกเขาเตรียมการเดินทางด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยี
  • การวางแผนการเดินทางไม่ใช่หน้าที่ของผู้เดินทางกลุ่มเจเนอเรชันวายเพียงกลุ่มเดียว แต่ผู้เดินทางกลุ่ม
    เจเนอเรชันซี (Gen Z) ก็กระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วม โดย 47% ของพวกเขาร่วมวางแผน และปรับแต่งแผนการเดินทางในแบบของตัวเอง
  • ในทางกลับกัน ผู้เดินทางกลุ่มเบบี้บูมเมอร์มักจะมีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อย โดย 23% ของพวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมในการวางแผน
  • ส่วนตัวเลือกทางด้านที่พักสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางแบบครอบครัวใหญ่มีความหลากหลายตามความชอบของสมาชิกในครอบครัว แต่โรงแรม (40%) และรีสอร์ต (52%) ยังคงเป็นตัวเลือกแรกๆ อย่างไรก็ตาม อีก 10% รู้สึกว่าที่พักเชิงวัฒนธรรมก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกน่าสนใจสำหรับพวกเขา

 

3. ทริปใหม่แต่ไอเท็มเดิม

จากความนิยมของการเลือกใช้สินค้ามือสองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้การแต่งตัว และการใช้ไอเท็มต่างๆ ในการเดินทางจะเปลี่ยนแปลงไปในปี 2568 ซึ่งความนิยมนี้ได้รับอิทธิพลมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นรวมถึงความตระหนักรู้เรื่องสภาวะโลกร้อนของผู้เดินทาง

  • 76% ของผู้เดินทางชาวไทยสนใจที่จะซื้อเสื้อผ้าระหว่างการเดินทางมากกว่าก่อนเริ่มทริป โดยความสนใจนี้ได้เพิ่มขึ้นในผู้เดินทางเจเนอเรชันซีเป็น 81%
  • ผู้เดินทางชาวไทยจำนวน 53% ระบุว่าพวกเขาสนใจที่จะแวะซื้อเสื้อผ้ามือสองในระหว่างการเดินทาง
  • กว่า 88% ของผู้เดินทางชาวไทยรายงานว่าพวกเขาเคยซื้อสินค้าวินเทจหรือสินค้ามือสองจากต่างประเทศ

เทรนด์การเดินทางนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องของแฟชั่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงค่าครองชีพ และสภาวะโลกร้อนที่มีอิทธิพลต่อพวกเขามากขึ้น รวมถึงต้องการที่จะต่อต้านกระแสฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) และแนวคิดบริโภคนิยม (Consumerism) ด้วยเช่นกัน ผู้เดินทางจึงนิยมเลือกซื้อสินค้ามือสองระหว่างเดินทางเพื่อความคุ้มค่า และประสบการณ์ที่ดีในราคาที่จับต้องได้

  • 82% ของผู้เดินทางชาวไทย (และ 68% ของผู้เดินทางทั่วโลก) วางแผนการใช้จ่ายให้คุ้มค่า ดังนั้นการค้นหาไอเท็มสภาพดีราคาถูกที่ซ่อนอยู่ในร้านขายของมือสองจึงเป็นภารกิจที่น่าสนุกในการเดินทาง
  • นอกจากนี้ 45% ของพวกเขาระบุว่าสินค้ามือสองในร้านขายของวินเทจที่ต่างประเทศมีคุณภาพดีกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าในประเทศ

 

4. ทริปหลบร้อนท่ามกลางแสงดาว

การหนีร้อนเพื่อไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นขึ้นเป็นการเดินทางที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เดินทางชาวไทยมานาน ตั้งแต่ ‘เทรนด์หนีร้อนไปพึ่งเย็น’ ที่มาแรงในปี 2567 ซึ่งผู้เดินทางมองหาจุดหมายปลายทางใกล้แม่น้ำมากขึ้น และในปี 2568 ผู้เดินทางยังคงมองจุดหมายปลายทางหนีความร้อนเหมือนเดิม แต่จะมองหาสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมในยามค่ำคืนมากขึ้นเนื่องจากอากาศที่เย็นกว่าตอนกลางวัน สถานที่มีความแออัดน้อยลง รวมถึงความสนใจด้านอวกาศและจักรวาล

  • 73% ของผู้เดินทางชาวไทย (และ 62% ของผู้เดินทางทั่วโลก) สนใจที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่มืดและสงบ พร้อมกับความสนใจในกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
    • 85% ต้องการนอนชมดาว ดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนที่โอบล้อมไปด้วยหมู่ดาว
    • 81% ต้องการไกด์นำเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ที่บอกเล่าแผนที่ดาวบนฟากฟ้า
    • 74% สนใจทราบตำแหน่ง และวิธีการมองหากลุ่มดาวต่างๆ

ความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิ และแสงแดดยังส่งผลต่อการตัดสินใจในการเดินทางด้วย นอกจากนี้การชื่นชมโลกยามค่ำคืนก็ทำให้ผู้เดินทางได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

  • 68% ของผู้เดินทางชาวไทยวางแผนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมยามค่ำคืนแทนกิจกรรมช่วงกลางวันเพื่อหลีกเลี่ยงอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงระหว่างวัน
  • การปกป้องตัวเองจากแสงแดดทำให้ผู้เดินทางชาวไทย 75% ระบุว่าพวกเขาจะวางแผนทำกิจกรรมในช่วงเย็น และหรือช่วงเช้าตรู่ที่แสงจากดวงอาทิตย์ยังไม่ร้อนแรงมากจนเกินไป
  • ผู้เดินทางชาวไทย 73% จะเลือกจองที่พักเชิงธรรมชาติที่ไม่มีแสงไฟยามค่ำคืน เพื่อลดมลภาวะทางแสง ช่วยให้พวกเขาสัมผัสบรรยากาศความสงบ ตลอดจนไม่รบกวนเหล่าสัตว์และพืชพรรณ

 

5. ชะลอใจ ชะลอวัย

ผู้เดินทางเริ่มมองหายาอายุวัฒนะที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขายืนยาวขึ้น ทั้งนี้ในปี 2568 ผู้เดินทางมีแนวโน้มที่จะหันมาสนใจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มากยิ่งขึ้น พวกเขามองว่าการเดินทางไม่ใช่แค่ช่วงเวลาผ่อนคลายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นโอกาสทองที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต ฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง อ่อนเยาว์ และใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

  • 81% ของผู้เดินทางชาวไทยยินดี “ซื้อสุขภาพ” ผ่านการเดินทางท่องเที่ยว โดยมีการพักผ่อนเป็นวัตถุประสงค์หลักเพียงอย่างเดียว (เทียบกับ 58% ของผู้เดินทางทั่วโลก)
  • ผู้เดินทางชาวไทย 85% มองหากิจกรรมเพื่อสุขภาพที่สามารถนำมาผสมผสานเข้ากับชีวิตประจำวันต่อได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่สมดุลมากขึ้น เช่น ปรับเวลาการดื่มกาแฟ (65%) และการดริปวิตามิน (58%)
  • 69% สนใจกิจกรรมบำบัดเพื่ออายุที่ยืนยาวในระหว่างการเดินทาง ฟื้นฟูร่างกายให้มีสุขภาพดีขึ้น โดยมีความสนใจในกิจกรรมต่างๆ เช่น การบำบัดด้วยความเย็น (82%) ความสั่นสะเทือนทั่วร่างกาย (77%) และการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ (70%)

 

6. ทริปชายแท้ แต่ตีความใหม่

การเดินทางในปี 2568 ของผู้เดินทางเพศชายชาวไทยจะออกจากกรอบการเดินทางแบบ ‘ลูกผู้ชาย’ ตามความคาดหวังของสังคมมากขึ้น โดยพวกเขาจะให้ความสำคัญกับแอลกอฮอล์ บุหรี่ และอบายมุขต่างๆ น้อยลง  เนื่องจากการเดินทางแบบลูกผู้ชายในปัจจุบันเปลี่ยนมาเน้นเรื่องความเป็นอยู่ที่ดี การพัฒนาตัวเอง รวมถึงการยอมรับและก้าวข้ามอุปสรรคภายในใจของตนเอง และเหตุผลอื่นๆ เช่น เพื่อคลายความเหงา และเชื่อมสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อน โดยสาเหตุของการจัดทริปการเดินทางมาจากที่พวกเขาต้องการลดความเครียดในชีวิตประจำวัน (31%) เพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกาย (42%) เพื่อความสงบสุขทางใจและสุขภาพจิตที่ดี (28%) และเพื่อการพัฒนาตัวเอง (29%)

  • ผู้เดินทางชาวไทย 62% (และ 47% ของผู้เดินทางทั่วโลก) ยืนยันว่าจะสนับสนุนให้ผู้ชายลองไปเที่ยวแบบทริปชายแท้ที่มีแต่ผู้ชายเท่านั้น โดยเป็นความเห็นจากผู้เดินทางชาวไทยกลุ่มเจเนอเรชันซี 66% และกลุ่มเจเนอเรชันวาย 68%
  • ‘ผู้หญิง’ มักเป็นฝ่ายโน้มน้าวให้เหล่าผู้ชายในชีวิตของพวกเธอไปออก ‘ทริปชายแท้’ ที่มีแต่ผู้ชายเท่านั้น โดยพวกเธอสนับสนุนให้ผู้ชาย ‘ให้ความสำคัญกับตนเองก่อนเป็นอันดับแรก’
    • 61% สนับสนุนคู่รักของตัวเอง
    • 32% สนับสนุนเพื่อนชาย
    • 24% สนับสนุนพี่ชายหรือน้องชาย
    • 25% สนับสนุนพ่อของตน

 

 

7. เริ่มต้นเที่ยวได้ แม้ในสนามบิน

ก่อนหน้านี้ ผู้เดินทางมักจะคำนวณเวลาเพื่อให้มาถึงทันเวลาขึ้นเครื่องบินพอดี เพื่อลดการพบปะความแออัดของผู้คนบริเวณพื้นที่รับรองในสนามบิน แต่ในปี 2568 ผู้เดินทางได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดสำหรับการเริ่มต้นเที่ยวด้วยการมองหา และใช้เวลาไปกับความบันเทิงรูปแบบใหม่ ๆ ที่มีให้บริการในสนามบิน

  • 82% ของผู้เดินทางชาวไทยระบุว่าพวกเขาจะรู้สึกดีมากขึ้นและเครียดน้อยลงในเรื่องการเดินทางหากมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่สนามบินให้เลือกใช้ก่อนขึ้นเครื่องบิน
  • ผู้เดินทางชาวไทยกว่า 73% แสดงความสนใจที่จะไปเยี่ยมชมแลนด์มาร์ก หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในสนามบิน หากแลนด์มาร์กเหล่านั้นมีเอกลักษณ์และมีความน่าสนใจ
  • 77% ของผู้เดินทางชาวไทยสนใจสนามบินที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นเอกลักษณ์ และสร้างประสบการณ์ได้ดี มากกว่าสนามบินที่ไม่มีปัจจัยเหล่านี้

ผู้เดินทางชาวไทยกลุ่มเจเนอเรชันซีและเจเนอเรชันวายเป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนเทรนด์นี้ให้เป็นที่นิยม โดย 75% ของพวกเขาให้ความสำคัญกับการพิจารณาเลือกจุดหมายปลายทาง โดยนำสนามบินของจุดหมายนั้น ๆ มาเป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวกที่พวกเขาให้ความสนใจ ได้แก่ โรงแรมแคปซูลในสนามบิน ร้านสปาในสนามบิน หรือแม้แต่ร้านอาหารระดับดาวมิชลิน

 

8. การเดินทางที่พิเศษของคนที่มีความต้องการพิเศษ

ในปี 2568 กระแสความเท่าเทียมและการสร้างแนวทางที่หลากหลายสำหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษโดยเฉพาะผู้มีความหลากหลายทางระบบประสาท (Neurodivergent People) จะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงการเดินทาง โดยพวกเขาจะหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือและสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ขณะเดินทางซึ่งจะช่วยลดความวิตกกังวลของตัวเองและเพื่อนร่วมเดินทางของพวกเขา

  • 65% ของผู้เดินทางชาวไทยกลุ่มต้องการความช่วยเหลือพิเศษระบุว่าพวกเขาเคยมีประสบการณ์เชิงลบระหว่างการเดินทาง (เทียบกับ 49% ของผู้เดินทางทั่วโลก)
  • 76% ระบุว่าตัวเลือกของพวกเขาถูกจำกัด หรือมีจำกัด เนื่องจากปัจจัยที่มาจากความแตกต่างของพวกเขา
  • 77% ของผู้เดินทางชาวไทยกลุ่มนี้สนใจเครื่องมือ AI ที่สรุปข้อมูลการเดินทางให้สั้นและตามเวลาจริง (Real time) เช่น อัปเดตเที่ยวบินล่าช้า แนะนำพื้นที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่านในสนามบินหรือโรงแรม
  • 74% ของผู้เดินทางชาวไทยกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับห้องกิจกรรมบำบัด (Sensory Stimulation Rooms) หรือบริเวณที่มีการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อกระตุ้นการรับรู้ประสาทสัมผัสของกลุ่มคนพิเศษ ในสนามบิน โรงแรม รวมถึงสถานที่อื่น ๆ
  • 83% ต้องการตัวเลือก “ปิดกั้นเสียงรบกวน” ระหว่างการเดินทางเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางของพวกเขาด้วย

 

9. ท้าทายขีดจำกัดเรื่องอายุ

ภาพจำลองการเกษียณอายุจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปในปี 2568 โดยผู้เดินทางกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ชาวไทยจะไม่ยอมละทิ้งความสนุกให้กับอายุและสุขภาพของตัวเอง และ 21% ของพวกเขาให้ความสนใจกับการเดินทางท่องเที่ยวที่มีการผจญภัยร่วมอยู่ด้วย และพวกเขาพร้อมกำหนดนิยามใหม่ให้กับการเดินทางในช่วงบั้นปลายชีวิต เพื่อแสดงให้เห็นว่าการผจญภัยไม่มีขีดจำกัดของอายุ

  • 46% พร้อมปล่อยใจที่จะไม่เข้มงวดกับตัวเองเกินไปในเรื่องของการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (เทียบกับ 27% ของผู้เดินทางทั่วโลก)
  • ในทางกลับกัน ผู้เดินทางกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ชาวไทยก็ให้ความสนใจกับกิจกรรมผจญอื่น ๆ ที่น่าสนใจดังนี้
    • 35% สนใจลองขี่ม้า
    • 32% ต้องการล่องเรือแคนูไปตามแม่น้ำที่มีชื่อเสียง
    • 25% สนใจการเดินป่า และการโต้คลื่นบนทราย

 

มิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและจีนของ Booking.com กล่าวว่า ในปี 2568 ผู้เดินทางจะใช้การเดินทางของพวกเขาเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เติมเต็มความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับโลกที่อยู่รอบตัวพวกเขา โดยผู้เดินทางเพศชายกำลังมองหาการเดินทางที่ท้าทายแนวคิดเรื่องบทบาททางเพศแบบเดิมๆ รวมถึงส่งเสริมสุขภาพจิตของพวกเขามากขึ้น ขณะที่เกือบ 1 ใน 5 ของกลุ่มผู้เดินทางกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ชาวไทยปฏิเสธที่จะปล่อยให้อายุมาเป็นข้อจำกัดในการตามหาประสบการณ์ใหม่ๆ

“สิ่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นการทำลายกรอบความคิดเรื่องการเดินทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น Booking.com เชื่ออย่างแท้จริงว่าเทคโนโลยีและจินตนาการกำลังมารวมกันเพื่อสร้างยุคใหม่ของการเดินทาง และท้ายที่สุดไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร พวกเรายังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ทุกคนได้ออกไปสัมผัสโลกกว้างในแบบของตัวเองได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นในปี 2568 และในปีต่อๆ ไป”

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์

Booking.com เปิด 9 เทรนด์การท่องเที่ยวปี 2568 ‘ฉีกกรอบเดิม เติมเต็มตัวตน’