“ฟาสต์แฟชั่น” แข่งเดือด “แม็ค” ชี้โหมขยายสาขาให้มาก ไม่ใช่ทางชนะของผู้นำ
ตลาดฟาสต์แฟชั่นดุเดือด แบรนด์ตัดราคาหนัก! "แม็ค" ย้ำแบรนด์ไม่ใช่ฟาสต์แฟชั่น แต่สามารถนำพาแบรนด์ไทย แข่งขันในตลาดฟาสต์แฟชั่นได้ ชี้การขยายสาขาให้มาก ไม่ใช่ชนะของผู้นำ เร่งทำออนไลน์ - รุก Affiliate Marketing ร่วมเพิ่มยอดขาย
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ฉายภาพธุรกิจเสื้อผ้าของประเทศไทยในปีนี้และปีต่อไป ยังมีการแข่งขันรุนแรง และมีหลายแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาชิงตลาดกางเกงยีนส์ รวมถึงแข่งขันด้านโปรโมชั่นราคาสูง จากโกลบอลแบรนด์ในตลาดไทย
ทั้งนี้ แม็คยีนส์ มุ่งปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับตลาดที่แข่งขันมากขึ้น ทั้งการขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าในกลุ่มนอนเดนิม ทั้งเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ของเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋า รวมถึงเครื่องประดับและตกแต่งกาย ผสมผสานด้วยนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ให้รวดเร็วขึ้น เช่น 6 เดือนต่อคอลเลคชั่นใหม่ จากเดิมที่ผ่านมา เน้นนำเสนอสินค้าใหม่ประมาณ 8-10 เดือน เพื่อให้รองรับการตลาดและจากแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นที่เน้นเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่รวดเร็วมาก
"แม็คยีนส์ ไม่ได้เป็นแบรนด์ฟาสต์แฟชั่น เราเน้นการนำเสนอสินค้าให้สอดคล้องกับตลาดและมุ่งในด้านคุณภาพ พร้อมปรับแผนนำเสนอสินค้าให้รวดเร็ว ทำให้สามารถแข่งขันกับ แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจากต่างประเทศได้"
สำหรับสาขาและจุดจำหน่ายที่มีอยู่ประมาณ 600 สาขาทั่วประเทศ ได้เดินหน้าการรีโนเวทสาขา คาดว่าจะมีการปรับโฉมรวม 80 สาขา และขยายสาขาเดิมให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงการจัดพื้นที่นำเสนอสินค้า และเพิ่มมุมของสินค้านอนเดนิม อีกทั้งมีการประเมินยอดขายแต่ละสาขาอย่างสม่ำเสมอ หากมีผลประกอบการชะลอตัวและไม่เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมปิดสาขาดังกล่าวทันที
“แผนของบริษัทไม่เน้นการเปิดสาขา แต่เน้นการทำให้สาขาที่มีอยู่ มีความโดดเด่นและมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ทำให้มุ่งการรีโนเวทสาขา และขยายสาขาเดิมให้มีขนาดใหญ่ การปรับสินค้าให้สอดคล้อง รวมถึงการปิดสาขาในทำเลที่ไม่สร้างยอดขายได้สูง เพื่อบริหารจัดการต้นทุน”
อีกแนวทางเพิ่มยอดขายคือ การรุกทำตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียกับ TikTok พร้อมการจัดทำห้องไลฟ์สดในการนำเสนอสินค้า และเลือกใช้ อินฟลูเอนเซอร์ มาร่วมทำ Affiliate Marketing ในการเพิ่มยอดขายสินค้า
พร้อมมุ่งให้ฐานลูกค้าสมาชิกที่มีอยู่ 1.9 ล้านรายทั่วประเทศ เลือกซื้อสินค้าอย่างสม่ำเสมอ จากปัจจุบันยอดขายมาจากสมาชิก สัดส่วนกว่า 50%
รวมถึงได้ปรับระบบบริหารวัตถุดิบให้หลากหลาย โดยนำเข้าวัตถุดิบจากทั้ง ประเทศจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น เพื่อร่วมบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นและลดต้นทุนได้สูงขึ้นในระยะยาว
ทั้งนี้จากแผนที่วางไว้ตลอดปี ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปี 2568 จะสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง
ทางด้าน "นายปิยะ โอฬารริกสุภัค" ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เสริมว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน ในไตรมาส 2 ปีบัญชี 2568 (1ต.ค. - 31 ธ.ค. 2567) บริษัทสร้างกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
แผนขยายแบรนด์ "แม็คยีนส์" สู่กลุ่มเป้าหมาย พร้อมทำตลาดผ่านออนไลน์และออฟไลน์ โดยเตรียมลงทุนขยายร้านค้าปลีก 15 แห่งในปีนี้ และปรับปรุงจุดขายเดิมอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมในปีนี้ สัดส่วนยอดขายมาจากออฟไลน์ 85% และออนไลน์ 15% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขายมาจาก ออฟไลน์ 89% และออนไลน์ 11%