ต่างชาติเที่ยวไทยปี 68 ทะลุ 40 ล้านคนครั้งแรก! ลุ้นเป้ารายได้รวม 2.8 ล้านล้าน

สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ “2.8 ล้านล้านบาท” เติบโต 7.5% จากฐานรายได้จริงตลอดปี 2567 ยังไม่กลับไปแตะระดับ 3 ล้านล้านบาทเท่าปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด เนื่องจากมีปัจจัยท้าทายเรื่อง “ภาวะเศรษฐกิจ” และการแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ เช่น “ญี่ปุ่น” ที่เงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง เป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนมากขึ้น

ในเชิงจำนวน ททท.ตั้งเป้าหมายปี 2568 ในกรณีดีที่สุดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 39 ล้านคน แต่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้มอบเป้าหมายเชิงนโยบายผลักดันไปให้ถึง “40 ล้านคน” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวไทย! ส่วนเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวไทยตั้งไว้ที่ 200 ล้านคน-ครั้ง

ปี 67 คาดรายได้รวมท่องเที่ยวปิดที่ 2.6 ล้านล้าน

หลังรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2567 มีแนวโน้มปิดที่ตัวเลข 2.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ตลาดต่างประเทศ 1.7 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเกิน 35 ล้านคน ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันมีกระแสการเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 1.3 แสนคนต่อวัน บางวันพีคถึง 1.5 แสนคนต่อวัน หลายตลาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยสะสมเกิน 1 ล้านคน เช่น สหรัฐ และไต้หวัน รวมถึงอินเดียที่เพิ่งทุบสถิติสูงสุด 2 ล้านคน ส่วนรายได้ตลาดในประเทศคาดปิดที่ 9 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 198 ล้านคน-ครั้ง

“ปัจจัยที่ทำให้รายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2567 ไปไม่ถึงเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาท มาจากภาวะสงครามในหลายพื้นที่ เศรษฐกิจโลกไม่ดี และเงินบาทแข็งค่า ทำให้ในปี 2568 ภาคการท่องเที่ยวไทยต้องมุ่งทำตลาดนักท่องเที่ยวใช้จ่ายสูงมากขึ้น เจาะกลุ่มลักชัวรีมากขึ้น หลังในบางพื้นที่ เช่น ภูเก็ต ที่ผู้ประกอบการสะท้อนภาพว่าแม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยลง แต่ในเชิงมูลค่า ถือว่าได้มาสูงขึ้น”

สรวงศ์ เทียนทอง

เตรียมคิกออฟ "เราเที่ยวด้วยกัน" ปี 68

ส่วนตลาดท่องเที่ยวในประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมคิกออฟโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ในปีหน้า นอกจากนี้กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการ “อีซี่ อี-รีซีต 2568” (Easy e-Receipt 2568) อีกครั้ง เริ่มลดหย่อนภาษีตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. – 28 ก.พ. 2568 โดยต้องซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ลดหย่อนภาษี ในวงเงิน 50,000 บาท ซึ่งแบ่งการใช้จ่ายเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การใช้สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค วงเงิน 30,000 บาท และสามารถเพิ่มเติมในแพ็กเกจการท่องเที่ยวได้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเดินทาง การใช้จ่ายการท่องเที่ยว เช่น การจองโรงแรม และแพ็กเกจทัวร์ ส่วนวงเงินอีก 20,000 บาท เป็นการใช้จ่ายผ่านกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและโอท็อป

 

จับตาคู่แข่ง! ต่างชาติเที่ยวญี่ปุ่น 11 เดือนแรก 33 ล้านคน ทุบสถิติปี 62

รายงานข่าวล่าสุดจาก “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น” (JNTO) ระบุว่า จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า “ญี่ปุ่น” ในช่วง 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) ของปี 2567 พบว่ามีจำนวนสะสมกว่า “33,379,900 คน” เติบโต 49.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และเติบโต 13.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปี 2562 ก่อนโควิดระบาด โดยตัวเลข 11 เดือนแรกปีนี้ได้ทุบสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่นตลอดปี 2562 ซึ่งปิดที่จำนวน 31,882,049 คนไปเป็นที่เรียบร้อยอีกด้วย

สำหรับ 10 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นสูงสุดในช่วง 11 เดือนแรก ได้แก่ 1.เกาหลีใต้ 7,950,300 คน 2.จีน 6,376,900 คน 3.ไต้หวัน 5,553,200 คน 4.สหรัฐ 2,486,100 คน 5.ฮ่องกง 2,397,800 คน 6.ไทย 1,002,200 คน 7.ออสเตรเลีย 807,800 คน 8.ฟิลิปปินส์ 710,100 คน 9.เวียดนาม 581,100 คน และ 10.สิงคโปร์ 555,000 คน

ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย รายงานว่า จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า “ประเทศไทย” ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามีจำนวนสะสม “31,918,273 คน” สำหรับตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน6,197,947 คน 2.มาเลเซีย 4,499,941 คน 3.อินเดีย 1,908,432 คน 4.เกาหลีใต้ 1,679,621 คน 5.รัสเซีย 1,495,417 คน 6.ลาว 1,052,996 คน 7.ไต้หวัน 1,000,812 คน 8.ญี่ปุ่น 946,292 คน 9.เวียดนาม 920,400 คน และ 10.สหรัฐ 906,526 คน