‘โคคา-โคล่า ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล’ มองคู่แข่งยิ่งทำตลาด หนุนเครื่องดื่มโต

‘โคคา-โคล่า ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล’  มองคู่แข่งยิ่งทำตลาด หนุนเครื่องดื่มโต

ตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยทั้งหมวดหมู่(แคทิกอรี)เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีขนาดใหญ่มูลค่าหลายแสนล้านบาท และยังคงเต็มไปด้วยขาใหญ่ แลกหมัดการตลาดขับเคี่ยวกันชิงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโต

ปี 2567 ที่ผ่านมา 2 ค่ายเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ อย่าง “โคคา-โคล่า” และ “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล” ภายใต้อาณาจักรไทยเบฟเวอเรจ ได้ให้ข้อมูลภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มในหมวดที่ตนเองขับเคลื่อน ถือว่ามีการขยายตัว ขณะที่ปี 2568 ผู้ประกอบการยังมองการเติบโตต่อเนื่องจากหลากปัจจัย ที่จะส่งผลต่อการบริโภค และการทำตลาด

ริชา ซิงห์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจ โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย และลาว ให้มุมมองว่า แนวโน้มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในปี 2568 คาดการณ์จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 ซึ่งมีโมเมนตัมที่สดใส โดยเฉพาะตลาดที่โคคา-โคล่า มีสินค้าจำหน่ายตอบสนองผู้บริโภคอย่างหมวดหมู่น้ำอัดลม ขณะที่ปัจจัยบวกส่งผลให้ตลาดเติบโตในปีนี้เกิดจากดัชนีการบริโภคที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการของบริษัทดี และยังมีแรงส่งอื่นคือสถานการณ์ท่องเที่ยวที่จะดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2568 และปีต่อๆไป

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทุกกลุ่ม รายงานจากนีลเส็นช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา(ณ ต.ค.67) มีมูลค่า 1.98 แสนล้านบาท มีการเติบโต 7.4% ขณะที่หมวดน้ำอัดลมมีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เติบโต 8.7%

“ปัจจัยที่สร้างความมั่นใจว่าตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในปี 2568 จะเติบโต เป็นปีที่สดใส เพราะมีสัญญาณเชิงบวก จากดัชนีการบริโภค การท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ต่อเนื่องจากสัญญาณปี 2567 ที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดน้ำอัดลมที่เราเป็นผู้นำ ในช่วงเวลาข้างหน้าหรือปีนี้ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป”

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของโคคา-โคล่า ให้ความสำคัญกับ 3 เสาหลักเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจร ได้แก่ 1.มุ่งตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยยึดความลูกค้าเป็นศูนย์กลาง 2.ใช้ศักยภาพด้านข้อมูล เทคโนโลยี นำเสนอสินค้านวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองลูกค้าแต่ละกลุ่ม และ3.การมุ่งสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

ด้านตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีหลากหมวดทั้งสุราสี สุราขาว เบียร์ ไวน์ ฯ ซึ่งมูลค่าหลายแสนล้านบาท ผู้ประกอบการยังมองการเติบโตมากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี

‘โคคา-โคล่า ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล’  มองคู่แข่งยิ่งทำตลาด หนุนเครื่องดื่มโต

ทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจสุรา ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจว่า มองภาพรวมธุรกิจเบียร์ปี 2568 เป็นบวก และคาดการณ์ตลาดจะเติบโตต่อเนื่องในอัตราที่สูงกว่าจีดีพี

สำหรับปัจจัยบวกภายนอก คือรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัว จากจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนเมืองไทยมากขึ้น จนเกือบมากกว่าก่อนช่วงโควิด-19 ระบาด และที่สำคัญ “ประกอบการรายอื่นๆในตลาด” ไม่มีการหยุดนิ่ง แต่ออกมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างคึกคัก ออกสินค้าใหม่เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย

“เทรนด์ปี 2568 ตลาดเครื่องดื่ม เบียร์ ถือเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคหรือ FMCG ยิ่งมีผู้เล่นเข้ามาในตลาด ยิ่งเป็นเรื่องดี ที่ผู้ประกอบการมุ่งมั่งในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้ได้ มีการบริการที่จะเอาชนะใจผู้บริโภค”

สำหรับปี 2567 ตลาดเบียร์เชิงปริมาณ(Volume)อยู่ที่ 2,000 ล้านลิตร หรือเชิงมูลค่า(Value)ราว 2 แสนล้านบาท และเติบโตสูงกว่าจีดีพี เมื่อแบ่งเซ็กเมนต์อีโคโนมี หรือ “ตลาดล่าง” มีขนาดเล็กลงเหลือสัดส่วน 5% เทียบกับ 15 ปีก่อน มีสัดส่วนราว 10% ตลาด “เมนสตรีม” โตราว 5% และเซ็กเมนต์เมนสตรีม พลัส และพรีเมียมเติบโตราว 30% อย่างไรก็ตาม ตลาดเบียร์เมนตรีมยังมีสัดส่วนใหญ่สุด 60-70%

“ปีนี้ตลาดเบียร์โดยรวมยังโตต่อเนื่อง และต้องโตมากกว่าจีดีพี ส่วนเบียร์ช้างเราไม่ต้องการโตเท่าตลาด แต่ต้องการโตมากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ”