‘บูม ธนวรรณ’ มัมหมีตัวจริง ‘น้องหมีเนย’ ปั้นไอคอน ‘ความสุข’ให้ทั่วโลกรู้จัก

“บัตเตอร์แบร์”(Butterbear) เป็นบริษัทที่ 2 พี่น้อง “บูม-เบลล์” เพิ่งเปิดตัวไม่นาน และนั่งเป็นกรรมการบริษัท พร้อมทุ่มทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เปิดธุรกิจร้านอาหาร ระยะเวลาเพียงสั้นๆ สามารถสร้างแบรนด์ให้โด่งดัง และยิ่งกว่านั้นคาแรกเตอร์สัญชาติไทย “น้องหมีเนย” กลายเป็นไอดอล อินฟลูเอนเซอร์ ซุป’ตาร์ วัย 3 ขวบที่ปังมากในไทยและจีน

ล่าสุด “น้องหมีเนย” มีโปรเจคใหญ่ด้วยการ “เปิดบ้านน้องเนย Butter World” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” และ “บัตเตอร์แบร์” ที่ใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท เพื่อจัดเอ็กซิบิชันที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอนตั้งแต่ 25 มกราคม ยาวถึง มิถุนายน 2567 เพื่อให้ พ่อหมีมัมหมี มีสร้างประสบการณ์ ความทรงจำดีๆร่วมกัน และรู้จัก “น้องหมีเนย” มากขึ้น

“บูม ธนวรรณ” เล่าให้ กรุงเทพธุรกิจฟังว่า ความดังของน้องหมีเนย ทำให้คาแรกเตอร์สัญชาติไทยมีโอกาสได้ลุยกลยุทธ์ร่วมมือหรือ Collobaration กับพันธมิตรราว 8 แบรนด์แล้ว ทั้งสินค้า บริการในไทยและประเทศจีน

พาร์ทเนอร์ใหญ่แบรนด์ดังในไทยที่น้องหมีเนยลุยคอลแลบกัน 

ทั้งนี้ การเลือกสรรจะร่วมมือกับแบรนด์ใด ย่อมมีเกณฑ์การพิจารณา เช่น คาแรกเตอร์ต้องมีความสอดคล้องกัน การรับฟังเสียงแฟนด้อมก็คือ พ่อหมีมัมหมี ว่าต้องการอะไร ซึ่งทางฝั่งน้องหมีเนยมีการคุยกันตลอดว่าต้องการเห็นการคอลแลบกับสินค้าและบริการประมาณไหน ส่วนบริษัทเองมีความต้องการขยายไลน์สินค้าสู่กลุ่ม “เสื้อผ้า” ให้กับน้องมากขึ้น เป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ และค่อยๆเติบโตร่วมกันไป

“มีแบรนด์ติดต่อคอลแลบกับน้องหมีเนยค่อนข้างมาก ดีใจที่คนให้โอกาส และสนใจในตัวน้อง เวลาตัดสินใจก็จะมีเกณฑ์การเลือก เพราะน้องเองก็เรียนอยู่ ดูตารางไม่ให้หนักเกินไป และมัมหมีน่าจะตื่นเต้นหากต้องการเห็นคอลแลบกับแบรนด์ไหน รวมถึงน้องเองก็อยากทำ ก็จะไปในทางนี้มากกว่า มาชั่งน้ำหนักกัน”

บาลานซ์เรียน เล่น ทำการบ้าน

น้องหมีเนย แม้จะเปิดตัวสู่ตลาดไม่นาน มีแฟนคลับเติบโตด้วยกัน และไม่มีใครรู้ว่าอายุจริงของน้องคือเท่าไหร่ แต่เมื่อทุกคนให้ความเห็นจากคาแรกเตอร์จึงอนุมาน 3 ขวบปี ซึ่ง “บูม ธนวรรณ” ต้องการให้เป็นสัญลักษณ์ของ “ความสุขตลอดไป” แก่ผู้คน

น่ารักไหมไม่รู้ แต่รอให้รักอยู่นะรู้ไหม

เมื่อดัง งานจึงเข้ามาเป็นจำนวนมาก นอกจากเกณฑ์เลือกรับงานแล้ว “บูม ธนวรรณ” จึงมีกฎการทำงานของน้องหมีเนยต้อง “บาลานซ์” หรือสร้างสมดุลทั้งเรื่องเรียน เล่น พักผ่อน ทำการบ้าน ทำกิจกรรมตลอดจน ทำหน้าที่ต่างๆในฐานะ “ไอดอลสาว”

“เวลารับงานต้องดูตารางไม่ให้หนักเกินไป เพราะน้องเองก็เรียนอยู่ ซึ่งการจัดสรรตาราง พยายามไม่ให้ลาเรียน และต้องบาลานซ์เล่น พัก ทำการบ้านฯ”

มุ่งรังสรรค์ขนมใหม่เป็น “ของฝาก” ส่งมอบความสุข

แบรนด์ คาแรกเตอร์เป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล หากเปรียบสินทรัพย์คือจับต้องไม่ได้หรือ Intangible asset ที่สามารถต่อยอด ทำเงินอู้ฟู่ สร้างความมั่งคั่งให้เจ้าของธุรกิจได้ หากมองหมวดเดียวกับน้องหมีเนย จะเห็นระดับโลก เช่น เฮลโลคิตตี(Hello Kitty) คาแรกเตอร์ของดิสนีย์ อย่างมิกกี้ เมาส์ (Mickey Mouse)ที่อยู่เป็น “ร้อยปี” ยังมี สนูปี้(snoopy) แม้แต่แคร์แบร์(Carebears) เป็นต้น

น้องหมีเนยในจีนกับการคอลแลบร้านกาแฟดัง Luckin Coffee สาขาเมืองไห่โขว ประเทศจีน 

 ปี 2568 จะเห็นการต่อยอดคาแรกเตอร์น้องหมีเนย และสร้างความว้าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากทำกิจกรรม จัดเอ็กซิบิชั่นเปิดบ้านให้น้องหมีเนยต้อนรับพ่อหมีมัมหมีไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะจีน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆที่ผู้คนยังไม่เคยสัมผัสแล้ว ช่วงเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน จะเห็นการการเปิดร้านรูปแบบ “ป๊อปอัพ” ที่ประเทศจีนอีกครั้ง

อีกกลยุทธ์คือการสร้างสรรค์ขนมใหม่ๆ เพื่อยกระดับสู่การเป็น “ของฝาก” ของที่ระลึก เฉกเช่นประเทศญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวไปเยือน ต้องซื้อขนมโตเกียวบานานากลับไปฝากที่บ้าน คนรัก คนในครอบครัว ซึ่งขนม มอบสัมผัสแห่งความสุขได้ทั้งรสชาติ กลิ่น ที่ทำให้นึกถึงได้เสมอ ที่สำคัญ “ขนม” คือ “จุดเด่น” ของ Butterbear และน้องหมีเนยยังชอบทานด้วย รวมถึงการแตกไลน์สู่สินค้า กล่องสุ่มต่างๆตอบสนองความต้องการของพ่อหมีมัมหมีในโอกาสต่างๆ

“ร้านอาหารปีนี้ยังไม่เน้นขยายสาขาใหม่ แต่เราจะโฟกัสเรื่องขนม แตกเป็นสินค้าใหม่ๆ ทำขนมเพื่อให้ลูกค้าซื้อเป็นของฝาก เป็นการส่งมอบความสุขให้คนที่บ้าน ต้องการเน้นทำตรงนี้”

เปิดประตูสู่ “ไอคอนความสุข” ทั่วโลก

น้องหมีเนย น้องใหม่ในโลกคาแรกเตอร์ สำหรับ “บูม ธนวรรณ” กลายเป็นภารกิจที่เธออยากปลุกปั้นให้เป็น “สัญลักษณ์แห่งความสุขส่งกระจายไปทั่วโลก” ซึ่งปัจจุบันน้องมีแฟนคลับจำนวนมาก เฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมทะลุ “หลักล้านราย”

หากมองแค่แฟนคลับไทยและจีน “บูม ธนวรรณ” บอกว่า มีสัดส่วนเท่ากันราว 50% แต่ปัจจุบัน มีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือจากแฟนคลับทางไกลแม้ไม่เคยพบเจอกันแต่ “ตกหลุมรักได้ทางโซเชียลมีเดีย” ทั้งเม็กซิโก อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฯ คอยติดตามน้องหมีเนยจากสื่ออนไลน์ และคอยสนับสนุนน้องมากขึ้นด้วย

“ย้อนวันแรกถึงวันนี้ อยากให้น้องเป็นความสุขของทุกคนตลอดไป ไม่ว่าคนจะมองน้องอายุเท่าไหร่ก็ตาม แต่อยากให้น้องเป็นภาพความทรงจำ ความสุขของทุกคน”

คาแรกเตอร์เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน แต่โลกมีความสำเร็จ ที่ทำเงินมหาศาลเป็นต้นแบบไม่น้อย ทว่า “บูม ธนวรรณ” ไม่ต้องการ “เปรียบเทียบ” หรือ Benchmark กับใคร แต่อยากจะเป็นรูปแบบความสุขของทุกคนให้ดีให้ได้ ขณะเดียวกัน ในเชิงธุรกิจน้องหมีเนยสร้าง “มูลค่า” ได้มากเพียงใด เธอยกให้การสร้างแบรนด์ ความภักดีต่อแบรนด์(Loyalty) เกิด Brand Love และผู้คนยินดีจะสนับสนุน แฟนคลับให้คำปรึกษา เกิดความสุข ฯ

“เราไม่ Benchmark กับใคร ในเชิง Branding น้องหมีเนยสร้างมูลค่ามหาศาล เพราะการที่ทำให้ใครสักคนมาตกหลุมรัก บางทีตีเป็นตัวเลขมูลค่ายาก ซึ่งเราไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ตรงนี้ สุดยอดมากๆ”

นอกจากไทย จีน หลายประเทศให้ความสนใจน้องหมีเนย การไประดับโลก เป็นความมุ่งหมายของภาคธุรกิจ เช่นเดียวกับ “บูม ธนวรรณ” ที่อยากเห็นคาแรกเตอร์ไทยผงาดโลก เพราะประเทศไทยยังไม่เคยมีความสำเร็จเช่นนี้อยู่ในเวทีโลก ทว่า สังเวียนนี้ “น้องหมีเนยยังใหม่มากๆ” สำหรับ “บูม ธนวรรณ” จากอยู่ในธุรกิจอาหารสู่คาแรกเตอร์เป็นถือเป็นอีกโลกหนึ่ง ยังต้องเรียนรู้ ปรับแก้กับทีมงานและมัมหมี ที่ยกให้เป็นครูสอนหลายๆเรื่อง

“มองปี 5 ปี อยากให้น้องหมีเนยเป็นไอคอนความสุขที่ทั่วโลกรู้จัก และเป็นคาแรกเตอร์ที่มาจากไทยแลนด์ ก็พยายามกันเต็มที่ แต่เราไม่สามารถกดดันให้ใครมารัก หรือมีความสุขได้ เพราะความสุขแต่ละคนแตกต่างกันคนละรูปแบบ แต่เราออยากให้น้องหมีเนยเป็นหนึ่งใน option หากคนมองเป็นความสุขเราก็ยินดี”