‘เอ็ม สตูดิโอ’ ยกหนังไทยเข้ายุคทอง ส่องโอกาสก้าวใหญ่ ปักหมุดแผนที่โลก
ปี 2567 หนังไทยเติบโต กลายเป็น "ยุคทอง" ทั้งความนิยมคนดู หนังทำเงิน ส่วนสตูดิโอ เดินหน้าลงทุนสร้างหนังไทยอย่างคึกคัก ก้าวไปต่อ หนังไทยมีโอกาสปักหมุดในแผนที่โลกมากขึ้น พร้อมเผยเสน่ห์ "หนังผีไทย" ที่ต่างชาติชื่นชอบ เพราะว้าว ทึ่ง! ครีเอทีฟ หัว ไส้ลอยได้
“อุตสาหกรรมภาพยนตร์” หรือหนัง เป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลไทยต้องการผลักดัน และหากมองภาพการเป็นหนึ่งในฟันเฟื่องเคลื่อนเศรษฐกิจ ถือว่าทำเงินหลายพันล้านบาท
ปีที่ผ่านมา “หนังไทย” เข้าสู่ยุคทองเต็มรูปแบบ เหตุผลเพราะสามารถครองส่วนแบ่งตลาด “แซง” ภาพยนต์ฮอลลีวูด ได้อย่างสวยสดงดงาม ทว่า หากจะแข็งแกร่ง ยืนระยะได้อย่างยั่งยืน ถือเป็นภารกิจของ “สตูดิโอ หรือ ค่ายหนัง” ในการสร้างสรรค์ผลงานออกสู่สายตาผู้ชมคนไทย
หนังไทยสร้างปรากฏการณ์ “TOLLYWOOD”
สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม จำกัด กับแบรนด์ “M STUDIO” สตูดิโอภาพยนตร์ที่ผลิตภาพยนตร์ไทยและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ ฉายภาพรวมอุตสาหกรรมหนังปี 2567 มีมูลค่ารวม 4,485 ล้านบาท จากหนังเข้าฉายรวม 326 เรื่อง และหนังไทยเข้าสู่ปีทองสร้างกรากฏการณ์ “TOLLYWOOD” (Thailand + Hollywood) เรียบร้อยแล้ว
โดยหนังไทยสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาด 54% หรือทำรายได้รวมในประเทศ 2,438 ล้านบาท จากหนังไทยที่เข้าฉาย 54 เรื่อง ส่วนหนังฮอลลีวูดมีสัดส่วน 38% และหนังอื่นๆ สัดส่วน 8% จากปกติหนังฮอลลีวูดจะครองส่วนแบ่งตลาด 70-80%
นอกจากนี้ หนังไทยที่ทำเงินทะลุ “ร้อยล้าน” ในปี 2567 ยังมีถึง 8 เรื่อง ได้แก่ จากค่ายค่าย M STUDIO 3 เรื่อง คือธี่หยด 2 ทำรายได้ 815 ล้านบาท อนงค์ทำรายได้ 150 ล้านบาท และหอแต๋วแตกแหกสัปะหยดทำรายได้ 130 ล้านบาท ค่ายจีดีเอช 559 2 เรื่อง จากหลานม่า ทำรายได้ 339 ล้านบาท และวิมานหนาม ทำรายได้ 150 ล้านบาท ค่ายไฟว์สตาร์มีพี่นาค 4 ทำรายได้ 178 ล้านบาท ค่ายสหมงคลฟิล์มมี เทอม 3 ทำรายได้ 122 ล้านบาท และค่ายเนรมิตหนัง ฟิล์มมี วัยหนุ่ม 2544 ทำรายได้ 122 ล้านบาท
ส่วนหนังฮอลลีวูดที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท ในปี 2567 มีเพียง 4 เรื่อง คือ Dune : Part Two Deadpool & Wolverine, Inside Out 2 และ Godzilla x Kong : The New Empire
“ปี 2567 เป็นปีที่ดีสุดในประวัติศาสตร์หนังไทย ตลาดมีความคึกคักมาก อุตสาหกรรมหนังไทยที่เติบโต ไม่ใช่เพราะโชคดี เหมือนถูกล็อตเตอรี แต่ทุกค่าย สร้างสรรค์หนังคุณภาพตอบโจทย์คนดู ส่วนหนังฮอลลีวูดก็เป็นปีที่ Comeback หนังไทยก็อยู่ในช่วงพีค เป็นปรากฏการณ์ TOLLYWOOD หนังไทยมีแฟนคลับจำนวนมาก อย่างธี่หยดทำรายได้ 800 ล้านบาท All time high เท่ากับการขายตั๋วให้คนดู 7 ล้านคน”
M STUDIO ทุ่ม 1,000 ล้าน ลุยหนังไทย 20 เรื่อง
M STUDIO ค่ายหนังยักษ์ใหญ่เป็น “ผู้นำตลาด” ปี 2567 ครองส่วนแบ่ง 54% ปี 2568 ยังเดินหน้าเสริมแกร่งอุตสาหกรรมหนังไทยควบคู่สร้างการเติบโต ด้วยการวางงบลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท สร้างสรรค์หนังไทย 20 เรื่อง ทั้งสร้างเองและ “ร่วมทุนกับพันธมิตร” สร้างรายได้และโมเดลแบ่งรายได้(Revenue Sharing)
สำหรับพันธมิตรร่วมทุนสร้างหนังไทยเพิ่มขึ้น ได้แก่ ช่อง 3 เช่น เรื่องธี่หยด 3 , Workpoint, Mono Group เช่น เรื่องนาคี 3 หอแต๋สแตกหัวกับไส้ และนางฟ้าขาแดนซ์ ที่มีระเบียบวาทะศิลป์ร่วมงานด้วย, Kantana เช่น เรื่องสุสานคนเป็น, Karman Line Studio เช่น เรื่องThe Stone พระแท้ คนเก๊ และ Plan B เรื่องเรียนแลกผี เป็นต้น
“ปี 2567 เราใช้งบลงทุนราว 500 ล้านบาท เพื่อสร้างหนังไทย แต่ปีนี้ลงทุนเพิ่มเท่าตัว เป็นการลงทุนในสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมหนังเติบโต คนไทยให้ความนิยมดูหนังไทย ต่างประเทศก็มาซื้อลิขสิทธิ์หนังไทยไปฉาย รวมถึงสตรีมมิง เป็นรายได้อีกทาง แบรนด์ต่างๆทั้งในไทยและตลาดโลกก้าวเข้ามาสนับสนุนหนังไทยให้เติบโต ภูมิทัศน์หรือ Landscape เปลี่ยน ที่สำคัญความเสี่ยงน้อยลง เพราะมีช่องทางจำหน่ายหลากหลาย ประกันความเสี่ยงในการลงทุนหนัง”
ก้าวต่อไปปักหมุดหนังไทยบนแผนที่โลก
ในโลกดิจิทัล คอนเทนต์สามารถเผยแพร่ให้คนดูได้แบบไร้พรมแดน ยังเปิดประตูสู่ “ขุมทองแห่งโอกาสหนังไทย” ด้วย ซึ่งในงานเทศกาลภาพยนต์ งานเอ็กซิบิชันระดับโลก หนังไทยถูกหมายตาจากผู้ซื้อต่างประเทศมากขึ้น และ “ทำราคาได้ดีด้วย”
สุรเชษฐ์ มองภาพหนังไทยจากนี้ไปจะเปรียบเสมือนเกาหลีขั้นถัดไปหรือ The Next Korea เพราะนอกจากหนังชาติญี่ปุ่น และเกาหลีแล้ว หนังไทยมีความโดดเด่นมากขึ้น
“เกาหลีใช้เวลา 10 ปีในการทำให้หนังเกาหลีเป็นที่ยอมรับของคนในประเทศ ซึ่งอดีตไม่มีมวลชน ออนไลน์เข้ามาช่วย แต่วันนี้มีเครื่องมือทุกอย่าง ในมุมหนังไทย เรากลับขึ้นมาแข็งแรงแล้ว จากไม่เคยขายในต่างประเทศได้ ตอนนี้เข้ามาหาเราเยอะ ในตลาดภูมิภาคเราไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน แต่ตอนนี้เราเริ่มแล้ว และเพิ่งก้าวเข้าตลาดคอนเทนต์ระดับโลก อยู่ในแผนที่โลก ซึ่งก้าวต่อไปคือมุ่งสู่ Global”
หนังผีไทยเหมือนต้มยำกุ้ง ต่างชาติอึ้ง! ไส้ หัว ลอยได้
อุตสาหกรรมหนังไทยมีหลากหลายประเภท ทั้งตลก โรแมนติกคอมเมดี้ หนังรัก แอ๊คชั่น ดราม่าฯ ทว่า “หนังผีไทย” กลับได้รับความสนใจจากตลาดโลก เพราะเมื่อนำไปเปิดตลาด ลูกค้าจะมาแย่งซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายทันที และได้ราคาดีด้วย
สุรเชษฐ์ เปรียบเทียบหนังผีไทยเหมือนกับอาหารไทยที่ขจรไกลไปทั่วโลกอย่าง “ต้มยำกุ้ง”ด้วย ที่นึกถึงความเผ็ดร้อน นอกจากนี้ เมื่อลูกค้าได้ดูหนังผีไทย มักจะอึ้ง! ว้าว! กับความครีเอทีฟขั้นสุด นำเสนอเรื่องราวผีที่มีไส้ หัวลอยได้
นอกจากนี้ หากมองประสบการณ์ดูหนังผีในโรงภาพยนตร์ การเข้าโรงหนังเหมือนเข้า “สวนสนุก” ที่มีเครื่องเล่นหลากหลายให้เลือก ทว่า “โรลเลอร์โคสเตอร์” จะคิวยาวมาก เพราะคนต้องการสัมผัสความตื่นเต้น เช่นเดียวกับ “ดูหนังผีในโรงภาพยนตร์” เป็นประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้ ยิ่งดูกับเพื่อนมีจิตวิญญาณผี อาจโดนเพื่อนล้อได้ ครั้นจะดูหนังผีคนเดียวที่บ้าน “กรี๊ดที่บ้านคนเดียวอาจเสล่อ”
“หนังผีเหมาะสมกับดูในโรงหนังมากๆ ผมมีโอกาสชวนฝรั่งดูธี่หยด ฝรั่งตกใจ สยองด้วย เพราะของเรามีไส้ หัวลอยได้ ความครีเอทีฟพุ่ง แล้วหนังสร้างจากเรื่องจริง ช็อกเลย แต่นั่นคือเสน่ห์หนังไทย"