แบรนด์กาแฟพรีเมียมรุกไทย 'Ralph’s Coffee' ปักหมุดสโตร์แรกเซ็นทรัลเวิลด์

ตลาดกาแฟไทยปี 68 ยังแข็งแกร่ง แบรนด์พรีเมียมรุกเปิดสาขาในประเทศไทย 'ราล์ฟ คอฟฟี่' (Ralph’s Coffee) คาเฟ่ในกลุ่มของ แบรนด์ Ralph Lauren ที่มีซีเอ็มจีร่วมบริหารในไทย ปักหมุดเปิดสาขาแรกที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ราล์ฟ คอฟฟี่ (Ralph’s Coffee) แบรนด์คาเฟ่ ภายใต้กลุ่มของ "Ralph Lauren" แบรนด์พรีเมียมกลุ่มสินค้า เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย สินค้าไลฟ์สไตล์ และของตกแต่งบ้าน ที่มีจุดกำเนิดจากดีไซเนอร์ชื่อดังในโลกกับ "ราล์ฟ ลอเรน" (Ralph Lauren) จากประเทศสหรัฐ ได้ขยายเปิดสาขา ราล์ฟ คอฟฟี่ แห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
แบรนด์ Ralph’s Coffee ได้วางตำแหน่งเป็นแบรนด์กาแฟระดับพรีเมียม โดยมุ่งเน้นนำเสนอในรูปแบบ อเมริกันสไตล์ โดยสาขาของคาเฟ่ ยังผสมผสานสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษของแบรนด์ มีทั้งกระเป๋าโท้ทซิกเนเจอร์ เสื้อสเวตเตอร์ หมวก และแก้วกาแฟ มุ่งขยายไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่
สำหรับสาขาแรกในประเทศไทย Ralph's Coffee อยู่โซนหน้าร้าน Polo Ralph Lauren ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยการเปิดสาขาในไทย อยู่ภายใต้การบริหารงานของ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) ในกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล
นอกจากการเปิดสาขา คาเฟ่ในประเทศไทยแล้ว แบรนด์ยังมีสาขาอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งในสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน และญี่ปุ่น ส่วนสาขาแรกในโลกเปิดในนิวยอร์ค สหรัฐ ช่วงปี 2557
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินการขยายแบรนด์คาเฟ่ในไทย ของกลุ่มสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์พรีเมียมนั้น ในช่วงปีที่ผ่านมา ต่างมีแบรนด์ลักชัวรีขนาดใหญ่ ต่างเข้ามาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยทั้ง
- หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ได้เข้ามาเปิดคาเฟ่และร้านอาหารแห่งแรกในไทยและภูมิภาคอาเซียน ที่ศูนย์การค้าเกษร อมรินทร์
- ดิออร์ (DIOR) เข้ามาเปิด คาเฟ่ดิออร์แห่งแรกในประเทศไทย อยู่ใน ดิออร์โกลด์เฮาส์ ใกล้กับ ห้างเซ็นทรัลชิดลม
นอกจากนี้มีอีกแบรนด์ลักชัวรี ขนาดใหญ่อีก 1 แบรนด์ ที่มีแผนเปิด คาเฟ่ในประเทศไทยภายในปี 2568 เช่นกัน โดยการเปิดคาเฟ่ในประเทศไทย สอดรับกับทิศทางตลาดกาแฟของประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจากการเปิดเผยของ "กาแฟชาวดอย" แบรนด์กาแฟไทยที่อยู่ในตลาดกาแฟมาร่วม 60 ปี ประเมินถึงตลาดกาแฟไทย มีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ขยายตัวประมาณ 7.8% ต่อปี
แบ่งเป็น ตลาดกาแฟในบ้าน มีมูลค่าประมาณ 34,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% ต่อปี และตลาดกาแฟนอกบ้าน มีมูลค่า 27,000 ล้านบาท ขยายตัว 25% โดยมาจากกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป ทั้งการทำงานนอกสถานที่ได้ทั้งหมด รวมถึงการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ส่งผลต่อตลาดและการเปิดสาขาแบบ สะแตนอะโลนมีมากขึ้น