‘คิวเฮ้าส์’ รีแบรนด์ 4 โรงแรมใจกลาง ‘กรุงเทพฯ’ อัปเกรดสู่ ‘เซนเตอร์ พอยต์ พลัส’

กลุ่ม “เซนเตอร์ พอยต์” (Centre Point Group) เครือโรงแรมสัญชาติไทย ภายใต้การบริหารงานของ “คิวเฮ้าส์” ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านฮอสพิทาลิตี้มาเป็นเวลากว่า 30 ปี เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ พลัส” (Centre Point Plus Hotel) เป็นโรงแรมระดับอัปสเกล 4.5 ดาว
ภายใต้แนวคิด “Your Plus Happiness” เพื่อตอบโจทย์นักเดินทางทุกกลุ่มเป้าหมายที่มองหาประสบการณ์พักผ่อนทั้งคุณภาพ ความสะดวกสบาย และบริการเหนือระดับ
มัลลิกา ทัศนนิพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท คิว.เอช. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารกลุ่มเซนเตอร์ พอยต์ กล่าวว่า ในปี 2568 ได้นำร่องเปิดให้บริการโรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ พลัส พร้อมกัน 2 แห่งแรกในทำเลศักยภาพ ได้แก่ “สีลม ริเวอร์วิว” ขนาดห้องพัก 214 ห้อง และ “ประตูน้ำ” ขนาดห้องพัก 254 ห้อง หลังจากเริ่มรีโนเวตเมื่อไตรมาส 2 ปีที่แล้ว พร้อมรีแบรนด์จากเดิมชื่อ “เซนเตอร์ พอยต์” (Centre Point) เปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่ “เซนเตอร์ พอยต์ พลัส”
“โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ พลัส ทั้งสองแห่งแรก ใช้งบปรับปรุงโฉมใหม่รวม 550 ล้านบาท เพื่อรองรับนักเดินทางเพื่อธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าถึงประสบการณ์ท้องถิ่น แหล่งชอปปิง และท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้อย่างสะดวกสบาย ตั้งเป้ารายได้จากโรงแรมสองแห่งนี้ในปี 2568 อยู่ที่ 700 ล้านบาท จากอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 85-90%”
สำหรับโครงสร้างลูกค้าต่างชาติที่นิยมเข้าพักโรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ พลัส ทั้งในสีลมและประตูน้ำ พบว่า 70% เป็นชาวเอเชีย ส่วน 15% เป็นชาวสหรัฐและยุโรป ขณะที่อีก 15% เป็นชาวตะวันออกกลางและอื่นๆ ทั้งนี้เมื่อดูเฉพาะโรงแรมตรงสีลม ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรปเข้าพักมากที่สุด ขณะที่ประตูน้ำ ส่วนใหญ่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ด้านรูปแบบการเดินทางของลูกค้าทั้งสองแห่ง สัดส่วนกว่า 80% เป็นนักท่องเที่ยว ทั้งกลุ่มพักผ่อน (Leisure) และกลุ่มครอบครัว (Family) และอีก 20% เป็นนักเดินทางเพื่อธุรกิจ
ทั้งนี้ช่วง 3 ปีข้างหน้า วางแผนรีแบรนด์โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ อีก 2 แห่งในทำเล “ใจกลางกรุงเทพฯ” เปลี่ยนมาใช้แบรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พลัส เช่นกัน ได้แก่ ทำเล “สุขุมวิท 10” ใช้งบปรับปรุงโฉมใหม่ 480 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จในปี 2569 และ “ชิดลม” อยู่ระหว่างสรุปงบปรับปรุง กำหนดแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทสนใจลงทุนพัฒนาโรงแรมใหม่เพิ่มในทำเลดีมีศักยภาพ มองทั้งโมเดลการซื้อที่ดินเพื่อสร้างอาคารใหม่ และเข้าซื้อกิจการโรงแรมมาปรับปรุงและรีแบรนด์
สำหรับโครงสร้างธุรกิจโรงแรมและฮอสพิทาลิตี้ของ “กลุ่มเซนเตอร์ พอยต์” (Centre Point Group) มีดังนี้
- โรงแรมภายใต้เครือ เซนเตอร์ พอยต์
กลุ่มที่ 1 โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ (Centre Point Hotel)
โรงแรมระดับกลาง 4 ดาว ปัจจุบัน มี 2 โครงการ
-โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 10 (Centre Point Hotel Sukhumvit 10) – 226 ห้อง
-โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ ชิดลม (Centre Point Hotel Chidlom) – 178 ห้อง
กลุ่มที่ 2 เซนเตอร์ พอยต์ พลัส (Centre Point Plus Hotel)
โรงแรมระดับอัพสเกลระดับ 4.5 ดาว โดยในปี 2568 เปิดให้บริการพร้อมกัน 2 โครงการ
-โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ พลัส สีลม (Centre Point Plus Hotel Silom) – 214 ห้อง
-โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ พลัส ประตูน้ำ (Centre Point Plus Hotel Pratunam) – 254 ห้อง
กลุ่มที่ 3 เซนเตอร์ พอยต์ ไพร์ม (Centre Point Prime Hotel)
โรงแรม Limited Edition รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัว มี 1 โครงการ
-โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ ไพร์ม พัทยา (Centre Point Prime Hotel Pattaya) – 475 ห้อง
- รับจ้างบริหาร (Managed by Centre Point Hotel)
-เซนเตอร์ พอยต์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ทองหล่อ (Centre Point Serviced Apartment Thong Lo) - 156 ห้อง
-โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล21 โคราช (Centre Point Terminal21 Korat) - 190 ห้อง
-โรงแรม แมนดารินกรุงเทพ (Mandarin Hotel Bangkok) – 367 ห้อง
-เซนเตอร์ พอยต์ เรสซิเด้นท์ พร้อมพงษ์ (Centre Point Residence Phromphong) – 76 ห้อง
-โครงการ แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร (L&H Villa Sathon) – 37 ห้อง
“เมื่อปี 2567 กลุ่มเซนเตอร์ พอยต์ มีรายได้เกือบ 1,600 ล้านบาท เติบโต 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อน และประเมินว่าปีนี้จะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมาย จากกลยุทธ์รีแบรนด์โรงแรม 2 แห่งในสีลมและประตูน้ำ ที่เปลี่ยนมาใช้แบรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พลัส เต็มปีแรก ทำให้สามารถอัปราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) เพิ่ม 15-20% ขายได้ที่ประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อคืน จากปัจจัยหนุนกระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเดินทางเข้าไทยในปีนี้มากถึง 40 ล้านคน โดยในเดือน ม.ค. กลุ่มเซนเตอร์ พอยต์ มีรายได้เติบโต 20% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว”
ฉลอง เพียกุดเพ็ง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ พลัส สีลม และโรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ พลัส ประตูน้ำ เล่าเสริมถึงกลยุทธ์ “3C Plus” ของแบรนด์โรงแรมใหม่ “เซนเตอร์ พอยต์ พลัส” ว่า มีด้วยกัน 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1.Plus Comfort ลูกค้าสัมผัสความหรูหราตั้งแต่ก้าวแรกที่ล็อบบี้ ด้วยบริการจากพนักงานอาคันตุกะสัมพันธ์(Guest Relation Officer) ห้องพักกว้างขวาง เตียงท็อปเปอร์(Topper) สองชั้นหนานุ่มพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเหนือระดับ อาทิเครื่องชงกาแฟสดแบบแคปซูล โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก บริการรถรับส่ง (Hotel Shuttle Service) โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ และห้องเล่นเกม
2.Plus Culture นำเสนออัตลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวรอบโรงแรม ถ่ายทอดผ่านภาพจิตรกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย พร้อมบริการแบบที่อบอุ่น สร้างประสบการณ์แบบ “Exclusive Hospitality” และ “Local Experience” ในทุกช่วงเวลาที่เข้าพัก
และ 3.Plus Care ใส่ใจสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด “ESG” มุ่งสู่การเป็นโรงแรมที่ยั่งยืน ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลาสติกที่ไม่จำเป็น และสนับสนุนวัสดุจากธรรมชาติ ตอบโจทย์นักเดินทางที่ใส่ใจความยั่งยืน
นอกจากนี้ โรงแรม เซนเตอร์ พอยต์ พลัส ยังใช้กลยุทธ์ “ออมนิชาแนล” (Omnichannel) สื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล และมอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าที่จองตรงกับโรงแรมผ่านลอยัลตี้โปรแกรม “เซนเตอร์ พอยต์ ออลเวย์ส รีวอร์ด” (Centre Point Always Rewards) มอบส่วนลดค่าห้องพัก ร้านอาหาร และร้านค้าจากพันธมิตร โดยปัจจุบันมียอดสมาชิกลอยัลตี้โปรแกรมดังกล่าว 4-5 แสนคน ตั้งเป้ากระตุ้นยอดสมาชิกเพิ่ม 20% เพื่อต่อยอดการจองของลูกค้ากลุ่มเข้าพักซ้ำซึ่งมีสัดส่วนกว่า 40%