เอฟเฟกต์ปราบ ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ หวั่น ‘จีนเที่ยวไทย’ ไปไม่ถึงเป้า 8.5 ล้านคน

ตามที่ “สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว” (แอตต้า) ประเมินสถานการณ์ตลาด “จีนเที่ยวไทย” ยังแย่อยู่ แม้รัฐบาลลงมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมาและกัมพูชาอย่างจริงจัง แต่ชาวจีนบางส่วนยังรู้สึกวิตกกังวล ไม่กล้าเดินทางมาประเทศไทย
แอตต้าจึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยปี 2568 จะไปไม่ถึงเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งไว้ 8.5 ล้านคน โดยแอตต้ามองว่าอาจเห็นตัวเลขการเดินทางจริงที่ 7 ล้านคน!
สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ช่างมัน เป้าก็คือเป้า แม้ต้องการทำให้ถึง แต่ต้องบริหารทุกอย่างให้สมดุล”
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้ไปคุยโดยตรงกับรัฐบาลจีนแล้ว และตนได้ไปพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจีนระหว่างร่วมคณะนายกฯ ไปเยือนจีน โดยในปี 2568 ถือเป็นปีสำคัญ ครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ระหว่างสองประเทศจะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันอีก และตนพร้อมนำภาคเอกชนไทยไปโรดโชว์ตลาดจีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างแน่นอน
“การที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในเดือน ก.พ. ลดลงเป็นปกติ จึงไม่ได้กังวลเรื่องตัวเลขนักท่องเที่ยวเลย วันนี้เราเน้นการดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามา และสิ่งต่างๆ ที่ฝ่ายจีนเข้ามาช่วยกันทำให้ผมมั่นใจว่าได้ช่วยกันคัดกรองนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ได้ยินมาจากปากเขาเลยว่านักท่องเที่ยวที่ยกเลิกการเดินทางมาจากเมืองรองของจีน เป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยเดินทางมาไทย พูดกันตรงๆ เลยคือทัวร์ศูนย์เหรียญ จ่ายเงิน 12,000 บาท เที่ยว 5 วัน 4 คืนในไทย ราคานี้รวมตั๋วเครื่องบินแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ภายหลังรัฐบาลได้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังแล้ว มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมา
“ช่วงเทศกาลตรุษจีน 2568 มีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยมากกว่าปีที่แล้ว 8% ส่วนที่ตลอดปีนี้เราหวังเห็นจำนวนเข้ามามากกว่าปีที่แล้ว แต่พอเกิดกรณีนักแสดงชาวจีน ซิงซิง ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกในช่วงต้นเดือน ม.ค. จึงทำให้ตลาดสะดุด พอเข้าเดือน ก.พ. ก็เป็นช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน เป็นช่วงที่ชาวจีนเที่ยวไทยน้อยลงอยู่แล้ว”
ด้านข้อเสนอจากแอตต้าและสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ระบุว่าต้องการให้รัฐบาลปรับลดวันพำนักในไทยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 93 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวเข้าไทย จากปัจจุบันให้พำนักสูงสุดไม่เกิน 60 วัน เพราะนักท่องเที่ยวจริงๆ จะพำนักเพียง 15 วันนั้น สรวงศ์ กล่าวว่า ต้องขอหารือกับภาคเอกชนให้ชัดเจนก่อนว่าจะเสนออย่างไร หากกังวลเรื่อง “ความมั่นคง” การจะลดวันพำนักในไทยสูงสุดเหลือ 30 วันก็เป็นไปได้
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ช่วงเดือน ม.ค. 2568 พบว่าตลาดจีนเที่ยวไทยมีแรงบวกมาก แต่พอเข้าเดือน ก.พ. ที่เริ่มมีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ทำให้ยอดหายไปพอสมควร แต่แนวโน้มจะกลับมา
และจากกระแสข่าวนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกเที่ยวบินมาไทย 94% หลังเกิดเหตุลักพาตัวนักแสดงจีน ซิงซิง ทาง ททท.ขอยืนยันว่าไม่เคยได้รับรายงานในเรื่องนี้
โดยจากสถิติ “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทางเข้าไทย ตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค. อยู่ที่ 662,779 คน เพิ่มขึ้น 30.32% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-24 ก.พ. อยู่ที่ 998,224 คน ลดลง 8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังคงครอง “อันดับ 1” ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยทั้งหมดซึ่งมียอดสะสม 6,445,187 คน
“มองว่าในระยะสั้นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจได้รับผลกระทบจากการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปบ้าง แต่ประสิทธิภาพจากการปราบในครั้งนี้จะส่งอานิสงส์ต่อนักท่องเที่ยวคุณภาพและการสร้างความมั่นใจในระยะยาว”