‘วัลลภา’ ทายาทเจ้าสัวเจริญ เร่งโต ‘AWC’ ขยายอาณาจักรอสังหาฯ ทะลุ 3 แสนล้านปี 72

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC หนึ่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ภายใต้การนำทัพของทายาทเจ้าสัวฯ “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่แห่ง AWC ประกาศเร่งเครื่องกลยุทธ์ลงทุน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2568-2572 เตรียมลงทุน 100,000 ล้านบาทเพื่อสร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานอีก 2 เท่า เป็นมูลค่า “300,000 ล้านบาท” ในปี 2572
หลังจากเมื่อปี 2567 บริษัทสามารถขยายมูลค่าทรัพย์สินถาวรรวมเติบโตเท่าตัวภายใน 5 ปี สู่มูลค่า 198,726 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าทรัพย์สินถาวรรวมเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 210,000 ล้านบาท
วัลลภา เปิดเผยว่า เฉพาะการลงทุนในปี 2568 บริษัทเตรียมลงทุนกว่า “22,000 ล้านบาท” พร้อมเสริมพอร์ตธุรกิจโรงแรมและคอมเมอร์เชียลด้วย 9 โครงการไฮไลต์ โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบในการเข้าลงทุนใน บริษัท เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล จำกัด ซึ่งครอบคลุมอาคารสำนักงานขนาด 45,792 ตารางเมตร และโรงแรมขนาด 407 ห้องพักในย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 8,704 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนซื้อกิจการ 4,400 ล้านบาท และการลงทุนรีโนเวตอาคารอีกประมาณ 4,200 ล้านบาท และจะช่วยสร้างกระแสเงินสดได้อย่างทันทีให้กับบริษัท มีแผนพัฒนาโครงการภายใต้ชื่อ “Jubilee Prestige Tower” มูลค่า 8,704 ล้านบาท ให้เป็นอาคารสำนักงานไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ และรีแบรนด์สู่โรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ “เจดับบลิว แมริออท” (JW Marriott) บริหารงานโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล
“เรามีแผนพัฒนาโครงการ Jubilee Prestige Tower ให้เป็นโมเดล AWC’s Lifestyle Destination ผสมผสานประสบการณ์ด้านดูแลสุขภาพ (Wellness) และประสบการณ์เดินทางเชิงธุรกิจแบบหรูหรา (Luxury Bleisure) พร้อมเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบภายในปี 2571 ซึ่งคาดว่าการรีแบรนด์โรงแรมเป็น เจดับบลิว แมริออท จะสามารถปรับราคาห้องพัก (ADR) สู่ระดับ 5,000-7,000 บาทต่อคืนได้ เพิ่มจากปัจจุบันที่ขายราคา 2,500 บาทต่อคืนในปัจจุบัน”
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าสร้างการเติบโตกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เสริมศักยภาพจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวริมทะเลที่เชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ ที่ โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โครงการแรกของบริษัทในพัทยาซึ่งเปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือน ม.ค. 2568 ต่อเนื่องถึงแผนการเปิดโรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา, โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท, โครงการ The Empire Wellness ในอาคารเอ็มไพร์, โครงการ ลานนาทีค เดสทิเนชั่น เฟส 1 ใน จ.เชียงใหม่
“อีกหนึ่งไฮไลต์คือการเปิดตัวโครงการ Jurassic World: The Experience ในโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ตอบโจทย์เป้าหมายของบริษัทที่อยากพาโครงการต่างๆ ระดับโลกมาอยู่ในเมืองไทย โดยเตรียมเปิดให้บริการโครงการนี้กลางปี 2568 สอดรับกับภาพยนตร์เรื่อง จูราสสิค เวิลด์ ภาค 4 ที่เลือกจังหวัดกระบี่และตรังเป็นโลเกชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ราวเดือน ก.ค. น่าจะช่วยสร้างกระแสดึงดูดคนเข้ามาท่องเที่ยวโครงการนี้มากยิ่งขึ้น”
วัลลภา กล่าวว่า สำหรับ “ผลประกอบการปี 2567” ของบริษัท เติบโตก้าวกระโดดในทุกมิติ พร้อมสร้างสถิติใหม่ด้วย “5 นิวไฮ” สูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและกลยุทธ์การลงทุนที่แข็งแกร่ง ได้แก่
1.กำไรสุทธิ 5,850 ล้านบาท เติบโต 14.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
2.กำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) 11,965 ล้านบาท เติบโต 11.9%
3.รายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) 5,873 บาทต่อคืน เติบโต 3.8%
4.รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 4,200 บาทต่อคืน เติบโต 14.8% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
5.อัตราผลตอบแทนกำไรจากการดำเนินงานต่อทรัพย์สินถาวร (EBITDA Yield) ของทรัพย์สินดำเนินงานเติบโตสู่ 10.1%
“แม้เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทาย แต่ AWC สามารถสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยกลยุทธ์ GROWTH-LED Strategy ที่เน้นสร้างกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง โดย AWC มีรายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 21,011 ล้านบาท เติบโต 10.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ”