กกท. ชี้โมโตจีพี ต่อสัญญาได้ - กำลังศึกษาไทยจัด ฟอร์มูลาวัน

กกท. ชี้โมโตจีพี ต่อสัญญาได้ - กำลังศึกษาไทยจัด ฟอร์มูลาวัน

กกท. ชี้ประเมินผลกระทบเศรษฐกิจในเบื้องต้น โมโตจีพี ประเทศไทยต่อสัญญาเป็นเจ้าภาพต่อได้ แต่ต้องขึ้นอยู่ที่รัฐบาลพิจารณา เผยประเทศสามารถจัด โมโต จีพี และ F1 พร้อมกันได้

เป็นประเด็นร้อนแรงจากการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โมโต จีพี (MotoGP) มายาวนาน ตั้งแต่ปี 2561 (หรือในปี 2018) และจะครบกำหนดสัญญาในปี 2569 (หรือในปี 2026) หรืออีก 1 ปีเท่านั้นจะมีการต่อสัญญาหรือไม่

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand 04 มี.ค. 68” กับประเด็นการต่อสัญญา เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี (MotoGP) หรือไม่นั้น ตนเองไม่ได้บอกว่า ไม่ต่อสัญญา โมโต จีพี ผมเพียงบอกว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล จึงเป็นเรื่องของรัฐบาลภาพรวมจะต่อ หรือไม่ต่อสัญญา 

ทั้งนี้เมื่อประเมินในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา มองในแง่เม็ดเงินโดยตรง รายได้ค่าใช้จ่ายที่เข้ารัฐโดยตรง หากมองเหมือนเราขายของ คนดูอาจเอ๊ะ รายได้จะไม่คุ้มหรืออย่างไร 

แต่มองมูลค่าทางเศรษฐกิจ รายได้จากการจ้างงาน จ่ายจากภาษีต่างๆ ถือว่าคุ้ม แต่หากให้ประเมินว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด ผมไม่ขอออกความคิดเห็น

ในภาวะประเทศไทยต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอีเวนต์ระดับโลกสำคัญ

แต่ถ้าเปรียบเทียบตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งแต่ปี 2018 ที่จัดมา มูลค่าเศรษฐกิจอยู่ในระดับเราพึงพอใจ พอเราจัดไป มีการปรับเปลี่ยน ดึงเอกชนเข้ามา มีการทำแคมเปญร่วมกัน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กกท. และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจขึ้นเรื่อยๆ 

ตั้งแต่ปี 2019 มีจำนวนคนเข้ามาดู 226,000 คน ยอดรวมสามวัน แต่ในปีนี้คนดูกลับมา 224,000 คน กลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกภายหลังโควิด แต่ถือว่าไม่แตกต่างกันมาก น้อยกว่ากันประมาณ 2,000 คน แต่มูลค่าเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมา 2,000 ล้านบาท โดยจากการทำงานกันมามูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  มีค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามา และมีการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น

มีการใช้จ่ายต่อร้านอาหารเพิ่มขึ้น จึงทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงานมากขึ้น โดยในปีนี้มีการจ้างงานสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สามารถสร้างการจ้างงานถึง 7,000 คน

อีกทั้งมองในภาพรวมว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือไม่นั้น โดยในภาวะที่ประเทศต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องการเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจมากขึ้น เป็นการจูงใจในการที่รัฐบาล ต่อสัญญา เพราะรัฐบาลให้เงิน 400 ล้านบาท แต่ได้เม็ดเงินกลับมาถึง 5,000 ล้านบาท มูลค่าที่ได้กลับมาเกิน 10 เท่าตัว

อีกทั้งการต่อสัญญาที่จะครบกำหนดในปี 2026 ดังนั้นการเจรจาต้องเกิดขึ้นล่วงหน้าในปีนี้ 2025 โดยจะมีการต่อสัญญาหรือไม่นั้น ตามที่นโยบายของนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้มาคือ ดูที่ผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก สอดคล้องกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ในเรื่องนี้ ให้มองเรื่องเศรษฐกิจ ธุรกิจประเทศชาติได้ประโยชน์อะไร ประชาชนได้ประโยชน์อะไร 

โดยถ้าตัวเลขลงทุนชัดเจน แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลลงทุน 400 ล้านบาท ได้ตัวเลขกลับมา 5,000 ล้านบาท มีตัวเลขพิสูจน์ที่ออกมาชัดเจน รวมถึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาโดยตรงจำนวน 54,000 คน มีการใช้จ่ายต่อหัวในช่วงสามวัน นอกจากตัวเลขที่แสดงแล้ว ยังมีตัวเลขนักท่องเที่ยวออกไป ในพื้นที่ต่างจังหวัดภูเก็ต และกลับไปพักใน กทม. ด้วย เป็นตัวเลขที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อีก ดังนั้น จากตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ และการชื่นชมต่างๆ จากทั่วโลกที่ประเทศไทยได้รับ รัฐบาลก็พิจารณาต่อสัญญาได้ 

ฟอร์มูลาวัน กำลังให้จุฬาฯ ศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

หากมองว่า อีเวนต์ โมโต จีพี และ ฟอร์มูลาวัน หรือ เอฟวัน (F1) อีเวนต์ใดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่ากันนั้น โดยปัจจุบัน ตัวเลขทางเศรษฐกิจจากเอฟวัน กำลังให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาในเรื่องนี้อยู่และยังได้ไม่ยุติ โดยกำลังทำร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศต้องมีการลงทุนเท่าไร และได้มูลค่าทาง​เศรษฐกิจเท่าใด

ทั้งหมดจึงไม่เหมือนกับ โมโต จีพี ที่เรามีตัวเลขพิสูจน์แล้ว ไม่ใช่ประมาณการคือ ของจริง เราไม่ได้คิดเอง โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานมหาวิทยาลัยศึกษา รวมถึงตัวเลขจากเจ้าของสิทธิศึกษาประเมินด้วย จึงเป็นตัวเลขที่เชื่อถือได้ 

ดังนั้นตัวเลข ฟอร์มูลาวัน ที่กำลังศึกษา จึงได้ประมาณการจากประเทศอื่นๆ และประมาณการกับตัวเลขเศรษฐกิจไทย จึงต้องรอตัวเลข ผลศึกษาก่อน อีกนิดเดียว แต่จะต้องรอจนถึงผลศึกษาของ ฟอร์มูลาวัน จบก่อนต่อสัญญาหรือไม่ คงรอไม่ได้ เพราะอีเวนต์จัดแยกกัน

มีตัวเลขแยกกัน ทั้งฐานแฟนคลับ และมิติต่างๆ ต่างกัน โดยเมื่อประเมินภาพรวมของ โมโต จีพี เริ่มติดตลาดไทย บรรยากาศต่างๆ ที่มีฐานแฟนคลับในไทย ตั้งแต่เด็กเล็กๆ กลุ่มครอบครัว เข้ามาจากการสร้างฐานมาประมาณ 7-8 ปี

อีกทั้งเมื่อประเมินตัวเลขลิขสิทธิ์ก็แตกต่างกัน โดยโมโต จีพี เป็นขั้นบันได โดยลิขสิทธิ์ ปีล่าสุด 420 ล้านบาท รัฐบาลจะสนับสนุน 200 ล้านบาท หรือไม่ถึง 200 ล้านบาท แต่เราต้องไปหาระบบสิทธิประโยชน์ ไปหาบริษัทต่างๆ จากพาร์ตเนอร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ(NSDF) เนื่องจากงบประมาณประจำปีจากค่าลิขสิทธิ์ไม่พอ โดย คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เราไปหาแหล่งสนับสนุนอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมามีสปอนเซอร์จาก บริษัทในเครือของรัฐ รัฐวิสาหกิจต่างๆ และภาคเอกชน อย่างในปีนี้เป็น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน PT 

แต่หากให้เราจัดไป โดยโยนภาระให้เอกชนอย่างเดียว ผมว่าเราจัดไม่ได้ 

ส่วนการเดตไลน์คำตอบ ให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ทางเจ้าของสอบถามมาตลอด โดยมีหลายประเทศต่อคิวสนใจจัดงาน โดยเมื่อประเมินกระแส โมโต จีพี ในโลกกลับมาร้อนแรง ทำให้หลายประเทศต่างๆ อยากเป็นเจ้าภาพเยอะมาก ถ้าเราช้า ไม่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจาต่อรอง

ประเทศไทยสามารถจัด โมโต จีพี และฟอร์มูลาวัน พร้อมกันได้

ทางด้านกระแสของ การจัดแข่งขัน ฟอร์มูลาวัน ในประเทศไทย เริ่มต้นตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสนใจ และประสงค์ให้เราศึกษา จนถึงนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ให้เราดูรายละเอียด เราก็อยากให้ผลศึกษาเร็ว

แต่ ฟอร์มูลาวัน เป็นเรื่องใหญ่ มีมูลค่าค่อนข้างสูงกว่า โมโต จีพี แน่นอน การพิจารณาต้องเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ โดยมีแนวโน้ม ก็มีความเป็นไปได้ ที่เราจะมี โมโต  จีพี และ ฟอร์มูลาวัน คู่กัน

“ไม่มีอะไรที่ผิดเลย ไม่จำเป็นต้องตัดรายใด รายการหนึ่งออก ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ทั้งสองรายการมีผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชนได้ประโยชน์ และรัฐมีศักยภาพลงทุน”

ส่วนกรณีที่ นายสนธยา คุณปลื้ม อยากดึงไปจัดที่จังหวัดชลบุรี นั้น เมื่อประเมินสนามในปัจจุบันที่ชลบุรียังไม่พร้อม สามารถพัฒนาปรับปรุงได้  ดังนั้นเรามีหลายออปชัน อาจเป็น กทม. หรือต่างจังหวัด ทางด้านสนามจัดแข่งขันสามารถเป็นสามออปชันคือ สร้างใหม่เลย ปรับปรุง หรือทำถนน

สำหรับข้อเสนอในการจัดเหลือสองที่ กทม. หรือ ชลบุรี ก็ต้องไปดูที่ผลการศึกษาทั้งหมด รอดูว่าอันไหนที่ดีที่สุด ทั้งสร้างใหม่หรือปรับปรุง

 

เครดิต : จากรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์