‘โมโต จีพี’ คุ้มทางเศรษฐกิจ ไทยหวังสัญญาใหม่ให้สิทธิพิเศษเพิ่ม

“สรวงศ์” เผยไทยไม่ถอยเจรจาซื้อไลเซนส์เจ้าภาพ “โมโต จีพี” แต่ 7 ปี เป็นลูกค้าประจำ ขอสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่ม รับบิ๊กอีเวนต์มอเตอร์ สปอร์ตมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
เผยเจรจา F1 ควบคู่ หวังจัด 2 อีเวนต์ระดับโลกในไทย สร้างภาพลักษณ์ประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ
8 ปี กับการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ “โมโต จีพี” (MotoGP) ตั้งแต่ปี 2561-2568 โดยมีรัฐบาลสมทบค่าลิขสิทธิ์ (ไลเซนส์) 300 ล้านบาท หรือปีละ 100 ล้านบาท จากมูลค่าลิขสิทธิ์เต็ม 900 ล้านบาท ซึ่งมีเจ้าของลิขสิทธิ์คือ “ดอร์น่า สปอร์ต กรุ๊ป” การต่อสัญญามีขึ้นอีกครั้งสำหรับการแข่งขันปี 2564-2568 รวม 5 ปี และมีการใช้งบประมาณสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ 900 ล้านบาท หรือปีละ 200 ล้านบาท จากมูลค่าลิขสิทธิ์เต็ม 1,800 ล้านบาท
ประเด็นร้อนเกิดขึ้น เมื่อครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย “เนวิน ชิดชอบ” ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ลุงเนวิน" ถึงรัฐบาลที่จะไม่ต่อสัญญาการแข่งขัน MotoGP อีกแล้ว โดยปี 2569 จะเป็นการแข่งขันที่ไทยเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมตัดพ้อ “รู้สึกเสียดาย” เพราะบิ๊กอีเวนต์ระดับโลก “รัฐบาลลงทุนปีละไม่เกิน 500 ล้านบาท” มีเอกชนร่วมด้วยช่วยสนับสนุนไม่น้อยกว่าปีละ 300 ล้านบาท แต่สร้างเงินหมุนเวียน ส่งเสริมธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 5,000 ล้านบาท
เป็นการทิ้งบอมบ์! ใส่รัฐบาลและ “พรรคเพื่อไทย” โดยอาศัยฐานแฟน โมโต จีพี และ “ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ” มาเป็นเกมการต่อรองการเมืองพร้อมกับกดดันรัฐบาล
หวังสิทธิพิเศษจากเจ้าของไลเซนส์
สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กรณีการต่อสัญญาซื้อลิขสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโต จีพี กำลังอยู่ในช่วงเจรจา โดยเป็นหน้าที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จากก่อนหน้านี้ได้ต่อสัญญาไปแล้ว 1 ครั้ง ระหว่างปี 2564-2568
การเจรจาต่อสัญญาครั้งใหม่ สิ่งที่ประเทศไทยควรจะได้รับจากเจ้าของลิขสิทธิ์ คือ สิทธิประโยชน์ และสิทธิพิเศษกลับคืนมาบ้าง ในฐานะไทยเปรียบเสมือนลูกค้าประจำไปแล้ว
“การต่อสัญญาเป็นเจ้าภาพจัดโมโต จีพี ต่อได้อยู่แล้ว ซึ่งต้องคุยในรายละเอียด และสอดรับกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กล่าวถึงสิ่งที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ เพราะเราเป็นลูกค้าประจำ ต่อสัญญามาแล้ว 1 ครั้ง หากต่อสัญญาอีกก็ควรให้สิทธิประโยชน์พิเศษเราบ้าง”
มองสัญญายาวเอื้อธุรกิจ ยืนยันไม่ถอย!
การต่อสัญญาเป็นเจ้าภาพหากทำได้มองระยะยาว 5 ปี เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ธุรกิจทุกภาคส่วน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สามารถวางแผนงานได้อย่างเหมาะสม จังหวัดบุรีรัมย์ จะได้เกิดการลงทุนต่างๆ เช่น โรงแรม
Cr.ลุงเนวิน
“กกท.กำลังดูอยู่ คุยเรื่องการต่อสัญญา ซึ่งจริงๆ แล้วควรเป็นการทำงานร่วมกับภาคเอกชนด้วย ให้เอกชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งสิทธิประโยชน์ อะไรที่ต้องสนับสนุนหรือซัพพอร์ต ถามว่าถอยไหม...ไม่น่าถอยนะ และการต่อสัญญาหากเป็นระยะยาว 5 ปีได้ยิ่งดี”
อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์เจ้าภาพจัดรายการโมโต จีพี รัฐบาลต้องการให้ใช้งบประมาณปกติ สิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นคือการดึงเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติมาใช้ ซึ่งทุกปีเป็นแบบนั้น ซึ่งเงินส่วนนี้ควรพัฒนาทั้งกีฬา นักกีฬา ที่มีความเป็นเลิศ
“การจะเอางบกองทุนพัฒนาการกีฬาทุกปี 200 ล้านบาท ต้องเลิก ถ้าดีจริง ต้องของบประมาณปกติ”
ตั้งคำถามเอกชนสนแค่ไหน 7 ปี ไทยเจ้าภาพโมโต จีพี
ท่ามกลางรัฐบาลสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์เจ้าภาพจัดโมโต จีพี 7 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีการกล่าวถึงส่วนที่เอกชนสนับสนุนเป็นอย่างไร การแบ่งสรรกำไร (profit sharing) เป็นอย่างไร แม้ภาพรวมปี 2568 มีคนดูกว่า 2 แสน ภาพรวมเชิงการท่องเที่ยว การใช้จ่าย เม็ดเงินเข้าประเทศ ชุมชนจะน่าพอใจ
มิติภาคเอกชน ด้านการทำธุรกิจ นอกจากมาตรการด้านภาษี เช่น การลดหย่อนภาษี สิ่งที่ต้องการ คือ การรับรู้แบรนด์ การสื่อสารการตลาดต้องทำได้ หลังทุ่มเม็ดเงินสนับสนุน แต่ที่ผ่านมาพบว่าเมื่อแบรนด์สินค้า (กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) สนับสนุน จะโดนห้ามโฆษณา
“เท่าที่คุยกับภาคเอกชน ต้องการความชัดเจนมากกว่า เมื่อสนับสนุนรายการกีฬาแล้ว ควรมีโอกาสได้ทำธุรกิจ ป้ายโฆษณา ควรเอื้อประโยชน์ให้ด้วย สิ่งเหล่านี้ต้องทำงานร่วม รัฐต้องสนับสนุนงบน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเมื่อทำอีเวนต์สำเร็จ เอกชนต้องเข้ามาร่วมสนับสนุน”
ตัวอย่างของแบรนด์สินค้าที่สนับสนุนการแข่งขันโมโต จีพี เช่น ช้าง ที่เป็นไตเติลสปอนเซอร์สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต) สนามดังกล่าวลงทุนราว 2,000 ล้านบาท ยักษ์ใหญ่พลังงาน “พีทีจี” ทุ่ม 300 ล้านบาท คว้าสิทธิ์เป็นสปอนเซอร์หลัก โมโต จีพี ไทยแลนด์ถึงปี 2569 และ สิงห์ เป็นอีกพันธมิตรของ โมโต จีพี ถึงปี 2569
ย้ำด้านเศรษฐกิจ คุ้มค่า!
สรวงศ์ กล่าวอีกว่า หากพิจารณาการทุ่มเงินมหาศาลเป็นเจ้าภาพจัดรายการโมโต จีพี ยอมรับว่าสร้างความคุ้มค่าให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก รวมถึงสร้างชื่อเสียง เสริมแกร่งภาพลักษณ์ให้ประเทศไทย เทียบการจัดงาน เงินใช้ซื้อลิขสิทธิ์อย่างเดียวเกือบทั่วโลกล้วนขาดทุน
“มององค์ประกอบโดยรวม เม็ดเงินที่ใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว พักผ่อน ทานอาหาร ยังไงก็คุ้ม ทั้งสร้างภาพลักษณ์ประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ คุ้มทุนแล้ว”
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันรถยนต์สูตร1 หรือ F1 กำลังดำเนินการ ซึ่งหากไทยคว้าสิทธิ์ทั้ง 2 บิ๊กอีเวนต์ ย่อมดีและต้องการเห็นทั้งคู่จัดขึ้นในประเทศไทย
สำหรับ 7 ปี ของการจัดงานโมโต จีพี ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ปี 2562 จำนวนผู้เข้าชม 3 วัน กว่า 2.26 แสนคน เพิ่มขึ้น 4,120 คนจากปี 2561 เป็นคนไทย 1.67 แสนคน หรือ 73.7% ต่างชาติ 5.9 หมื่นคน หรือ 26.3% เงินหมุนเวียนจากการจัดแข่งขัน สร้างมูลค่าการใช้จ่ายรวม 2,061 ล้านบาท ขณะที่รัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายเงินเพื่อสนับสนุนและลงทุนจัดการแข่งขันกว่า 831 ล้านบาท
ปี 2561 เงินหมุนเวียน สร้างมูลค่าใช้จ่าย 1,409 ล้านบาท รัฐและเอกชนสนับสนุน และลงทุนกว่า 1,259 ล้านบาท ปี 2568 มีผู้เข้าชมกว่า 2.24 แสนคน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 5,000 ล้านบาท