ซีอีโอ บันยันทรีโฮลดิงส์ ชี้ อสังหากรุงเทพ ‘ตาย’ แต่ภูเก็ตเฟื่อง

อสังหากรุงเทพ ‘ตาย’ แต่ภูเก็ตเฟื่อง 'โฮ กวน ปิง' ซีอีโอ บันยันทรีโฮลดิงส์
เปิดมุมมองเศรษฐกิจไทย ลุยสร้างโรงแรมอีก 3 แห่งบนเกาะอันดามัน
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเผชิญกับความท้าทายจำนวนมาก ทัจาก้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐานเอง และหนึ่งอุตสาหกรรมหลายฝ่ายจับตาเป็นพิเศษคือ "ภาคอสังหาริมทรัพย์" เพราะเป็นภาคส่วนที่เข้าถึงสินเชื่อจากภาคธนาคารมากที่สุดและหากภาคส่วนนี้สั่นคลอนขึ้นมาก็อาจทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งระบบได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายโฮ กวน ปิง ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร Banyan Tree Holdings และ Laguna Resorts & Hotels ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “กรุงเทพธุรกิจ” เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์ว่ากำลังประสบปัญหาอย่างหนัก
"ทุกคนรู้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ตายแล้ว โครงการ One Bangkok ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายในการเติมเต็มพื้นที่ค้าขายให้เต็ม ขณะที่ออฟฟิศสำนักงานก็ไม่ได้ทำผลงานได้อย่างน่าพึงพอใจเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี"
"ความต้องการสำนักงาน โดยเฉพาะสำนักงานเกรด A ไม่สูงนัก"
อย่างไรก็ตาม นายโฮระบุว่าการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยยังคงทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่เศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งภาคเกษตรกรรมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการผลิตกลับไม่ได้เพอร์ฟอร์มดีนักและคาดว่าจะยิ่งยากขึ้นกับนโยบายทรัมป์ 2.0
แม้เศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะซบเซา แต่ธุรกิจของเครือบันยันทรียังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในภูเก็ต ซึ่งนายโฮยืนยันว่าเป็น "เครื่องยนต์การเติบโต" หรือ Growth Engine ของบันยันทรีในประเทศไทย
"เรามีโชคมาก เพราะธุรกิจของเราส่วนใหญ่อยู่ในภูเก็ต และภูเก็ตกำลังบูม โรงแรมทั้งหมดของเราในไทยกำลังบูม รวมถึงโรงแรมที่เราบริหารและไม่ได้ถือครอง" เขากล่าว "เรากำลังเพิ่มจำนวนโรงแรมให้มากขึ้น และสร้างโรงแรมเพิ่มอีก 3 แห่งภายใต้แบรนด์ของเราเองในภูเก็ต"
นายโฮอธิบายเพิ่มเติมว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทยกำลังซบเซา แต่ภูเก็ตกลับเฟื่องฟูเนื่องจากชาวต่างชาติยังซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่ "ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดที่เราเคยมีมา นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่หลังจากโควิด ทุกอย่างกลับมาดีดตัวขึ้น"
ปัญหาห้องเช่ารายวันไม่กระทบบันยันทรี
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับปัญหาการให้เช่าที่พักรายวันโดยเจ้าของส่วนตัว นายโฮกล่าวว่าไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจของพวกเขามากนัก และเปรียบเทียบว่าเป็น "ปรากฏการณ์ Airbnb" ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
โดยเขาสนับสนุนการที่รัฐบาลไทยกำลังปราบปรามปัญหานี้ "ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยกำลังทำนั้นถูกต้องแล้ว พวกเขากำลังปราบปรามคนที่ให้เช่าคอนโดของตัวเองแก่แขกต่างชาติ"
นายโฮยังเน้นย้ำว่าโรงแรมมีการรับประกันคุณภาพที่เชื่อถือได้ ซึ่งแตกต่างจากการปล่อยเช่ารายวันที่ขาดการตรวจสอบคุณภาพที่เข้มงวด "จุดแข็งของโรงแรมคือเราให้ประสบการณ์ที่เชื่อถือได้ คุณสามารถไว้วางใจได้"
เมื่อถามว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันของประเทศไทยทำให้การดำเนินธุรกิจยากหรือไม่ นายโฮขอไม่ให้ความเห็น แต่กล่าวว่าธนาคารกลางควรเป็นอิสระ "ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของธนาคารกลางที่เป็นอิสระ เป็นการตัดสินใจที่ควรปฏิบัติตาม เพราะรัฐบาลทั่วโลก ไม่เฉพาะในประเทศไทย มีผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต้องการอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อทำให้ชีวิตของนักธุรกิจง่ายขึ้น แต่พวกเจาไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหาในอีกสามปีข้างหน้าที่อาจเกิดขึ้น แต่นั้นเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางควรคำนึงถึง"